สวัสดีค่าา..... และแล้วก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่จะมารีวิวโทรศัพท์เริ่ดๆกันอีกครั้ง
คราวนี้เราขอเสนอ OPPO N3 สมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้อัตโนมัติ เครื่องแรก และเครื่องเดียวในโลก!
หลังจากที่ OPPO เปิดตัว N3 สมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้อัตโนมัติ ที่ OPPO กล้าการันตีว่าเป็น สมาร์ทโฟนที่กล้องดีที่สุดในโลกตอนนี้ ไหนๆก็ไหนๆ จัดมาลองซะเลย เอาล่ะ เรามาเรื่มกันเลยค่ะ
เอาเรื่อง Spec ก่อน
สเป็คของ OPPO N3
- ซีพียู Snapdragon 801 (MSM8974AA) ความเร็ว 2.5GHz Quad-Core
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว Full HD (1920×1080 พิกเซล ที่ 400ppi)
- แรม 2GB
- ความจุ 32GB (เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 128GB)
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh พร้อมระบบชาร์จไฟเร็ว VOOC Rapid Charge
- กล้อง 16 ล้านพิกเซล พร้อม Dual-mode LED , F/2.2
- รองรับ 4G LTE
- รีโมท O-Click 2.0
ขอบคุณข้อมูลจาก whatphone
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องเด่น นั่นก็คือกล้อง!
เห๋ยแกรรร์ มันเริ่ดอะแกร์ คำอุทานหลังจากได้ลองเล่นกล้องแล้ว
กล้อง OPPO N3 มีจุดเด่นที่ หมุนได้ ไม่ใช่หมุนได้แบบไก่กา แต่เป็นหมุนอัตโนมัติจ้า..า...
คือถ้าอยากให้กล้องหมุนฟ๊วบมาที่หน้าเรา เป็นกล้องหน้า ก็แค่ปาดหน้าจอลงแบบเร็วๆ
หรือถ้าจะให้หมุนแฟว๊บกลับไปข้างหลังเหมือนเดิม ก็ปาดหน้าจอขึ้นแบบเร็วๆ เท่านี้ก็เสร็จ เฮ้ย! ตื่นเต้น สนุก ฮ่าๆๆ
หรืออยากจะหมุนช้าๆ แบบกะมุม กะองศาที่เราต้องการ ก็แค่ แตะจอค้างแป๊บนึง แล้วค่อยๆบรรจงลากขึ้น หรือลากลง แล้วแต่เรา ลากขึ้น/ลงแล้วค้างนิ้วไว้ กล้องจะค่อยๆหมุนเอง มันเริ่ดด...
ไม่ใช่แค่นั้น ลูกเล่นต่างๆยังมีอีกมากมาย เรียกได้ว่าจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ตามรูปเลยเถอะ เยอะ!
ขอบคุณภาพจาก OPPOThai |
ซึ่งไม่หมดแค่ในรูป เพราะยังมีโหมดหน้าสวย , ออโต้ พาโนารมา , HDR , Colorful Night เรียกได้ว่าเล่นไม่เบื่อเลยจริงๆ
ตัวอย่างภาพ
ภาพจากโหมดออโต้ |
ออโต้ พาโนรามาก็สุดแสนจะสบาย เพราะเราแค่ถือกล้องนิ่งๆ พอกดถ่ายปุ๊บ กล้องจะหมุนเองปั๊บ จนกว่าจะได้ภาพที่เราพอใจค่อยกดหยุด
ภาพจากโหมด ออโต้ พาโนรามา |
ภาพจากโหมด ออโต้ พาโนรามา |
ภาพจากโหมด ออโต้ พาโนรามา |
ไม่ใช่แค่แนวนอนนะ แนวตั้งก็ถ่ายได้เถอะแม่คุ๊ณณณ ดูเสะ!
แค่โหมดนี้โหมดเดียวนี่ก็ทำให้เราสนุกกับการถ่ายภาพขึ้นไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ใครชอบท่องเที่ยว รับรองว่าไม่ผิดหวังอ่ะ พูดเลย!
และด้วยอานุภาพของกล้องหมุนได้นั้น เราจะได้ภาพมุมใหม่ๆ ที่เราไม่เคยได้ถ่าย เช่น
เงยขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องนอนถ่าย หรือแหงนหน้าให้เมื่อย หมุนกล้องเอาสิคะ สบายย
มาต่อที่โหมดกล้องเด่นๆอีกโหมดคือ Ultra HD ซึ่งจะประมวลผลภาพถ่ายเราแบบภาพซ้อน คือ
เมื่อเรากดถ่าย กล้องจะทำหน้าที่เก็บภาพนั้นไว้หลายๆภาพแล้วนำมาซ้อนกันเพื่อเก็บรักษารายละเอียดให้ได้มากที่สุด ทำให้เมื่อเราขยายภาพ จะยังเห็นรายละเอียดที่ไม่คิดว่าจะเห็นได้ ดูภาพตัวอย่างเลย
ข้างบนเป็นภาพจากโหมด Ultra HD ซึ่งดูเผินๆก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร แต่เมื่อเรานำมา Crop 100% จะเป็นดังนี้
เห็นคนมั้ยคะ ภาพสามารถเก็บรายละเอียดไว้ได้ขนาดนี้เลย เจ๋งจริงๆ
มาต่อที่โหมดเลือกโฟกัส ซึ่งเรียกได้ว่า ตามซัมซุงมาเลย แล้วก็ทำได้ดีด้วย สังเกตุที่ คิตตี้กับเก้าอี้ข้างหลังค่ะ เราสามารถเลือกให้โฟกัสหน้าชัด หลังเบลอ หน้าเบลอ หลังชัดได้เลย
หรือจะอีกโหมดนึงคือ ซุปเปอร์มาโคร เทียบให้ดูระหว่างถ่ายปกติ กับ ซุปเปอร์มาโคร ถ่ายออกมาได้ชัดมาก
ที่ขาดไม่ได้คือ Beauty Mode หรือโหมดหน้าสวย ทำมาได้ดีสมชื่อ OPPO เทพแห่งการโมหน้า
ตกเย็น แป้งลบ หน้าป่วย อฐิษฐาน แล้วเรียก OPPO ช่วยด้วย เท่านั้นก็วิ้งๆๆ
สัมฤทธิ์ผลในทันตา แล้วงี้ไม่ให้ซื้อได้ยังง๊ายยย
ยิ่งมี O-Click แถมมาให้ด้วย ยิ่งทำให้เราถ่ายรูปได้สนุกขึ้นมากมาย ใช้บังคับกล้องหมุนไปมา ถ่ายรูป ใช้บังคับโปรแกรมเพลงได้ แถมยังช่วยหาโทรศัพท์เราได้อีก เวลาลืมว่าวางไว้ที่ไหน แค่กดปุ่มสีขาวตรงกลาง 2 ครั้ง โทรศัพท์ก็จะดังละ
ขอบคุณภาพจาก OPPOThai |
และที่ทำให้ OPPO น่าใช้งานไม่ใช่แค่เรื่องกล้องอย่างเดียว เรื่องความสะดวกสบายในการใช้งานเช่น
Gesture Mode คือ เคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ หรือแม้กระทั้งวาดวงกลมขณะจอปิด เพื่อเข้าโหมดกล้อง เรายังสามารถเพิ่มท่าทางการวาดในโหมดนี้ได้อีกด้วย
ส่วนการฟังเพลง ก็มีวิจเจ็ตเฉพาะของ OPPO ที่ดูสวยงาม เหมือนเรากำลังใช้งานเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่
พร้อมแสดงหน้าปกอัลบั้มด้วย
จุดเด่นอีกอย่างคือ มีธีมหน้าจอให้เลือกมากมาย ฟรีทั้งหมดเลยด้วย ไม่ต้องไปโหลดแอพธีมมาให้เปลือง
การตั้งค่าก็ไม่ยาก มีการแบ่งหมวดหมู่ให้เข้าใจง่ายๆ เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆคือ ทั่วไป เสียง และจอแสดงผล
สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้ OPPO มาก่อน แรกๆอาจไม่คุ้นชิน เนื่องจากการวางปุ่มนั่นไม่เหมือนเดิม เช่นปุ่มเปิดปิด อยู่ฝั่งซ้าย ปุ่มปรับเสียง อยู่ฝั่งขวา แต่ไม่นานก็ชินค่ะ
ที่ขาดไม่ได้คือ ระบบแสกนลายนิ้วมือ ซึ่งเทียบเท่าได้กับ IPhone เลยนะ แตะปุ๊บจอติดปั๊บ ใช้งานง่าย ไม่ยาก ซึ่งจุดสัมผัสจะอยู่ที่หลังเครื่อง ใต้สัญญลัหษณ์ OPPO แค่เราเอานิ้วที่เราแสกนลายนิ้วไว้ แตะแล้วกดลงไป 1 ครั้ง จอก็จะติด หลังจากนั้น ค้างนิ้วไว้แค่ไม่ถึงวิานที ระบบแสกนก็จะแสกนนิ้วเราเสร็จ หน้าจอก็จะปลดล็อคในทันนี้เลย
แค่นั้นยังไม่พอ จุดสัมผัสหลังเครื่องยังสามารถใช้ในการถ่ายรูปเซลฟี่ เป็นปุ่มชัตเตอร์ได้ด้วย ส่วนแถบเงินๆรอบปุ่มนั้น ใช้บังคับทิศทางกล้องให้หมุนได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ทำมาพร้อมสรรพ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะใช้มั้ยเท่านั้นเอง ^_^
ความคิดเห็น
+ CPU : ถือว่าเร็ว และแรงมากเลย เล่นเกมลื่นไหลมาก ไม่มีหน่วง
หรือกระตุกให้เสียอารมณ์ แต่แอบมีร้อนบ้างนิดๆ (เป็นธรรมดา เมื่อใช้งานไปสักพัก)
+ หน้าจอ Full HD : ในตอนแรกรู้สึกผิดหวังอยู่นิดๆ ที่หน้าจอไม่ 2K เหมือนรุ่นก่อนคือ Find7
แต่พอได้ใช้งานจริง ก็รู้สึกว่ามันไม่จำเป็นขนาดนั้น เพราะสายตาเราแยก
ไม่ออกอ่ะ แค่นี้ก็ชัดเป๊ะละ
+ RAM 2GB : แอบงงว่าให้มา 2GB เอง น่าจะให้มาซัก 3GB
+ ความจุ 32GB : ถือว่าให้มาเต็มเหนี่ยว แบบไม่ต้องสนใจ MicroSD กันเลยทีเดียว
+ แบตเตอรี่ 3,000 mah : ใช้ได้ 1 วันพอดิบพอดี
+ ระบบชาร์จเร็ว VOOC Rapid Charge : อันนี้ยกนิ้วให้ ชาร์จเร็วทันใจ สบายเลย
+ กล้อง 16 ล้านพิกเซล : บอกได้เลยว่า เยี่ยม! ฟังก์ชั่นกล้องเยอะะมากๆ ถ่ายสนุกสุดๆ
+ รองรับ 4G LTE : ต้องมีนะ แม้ว่า 4G บ้านเราจะยัง....เอ่อ....อยู่ไหนนะ แต่ก็รองรับอนาคตไง!
+ รีโมท O-Click : อันนี้ถือว่า แถมมาได้ใจมากกกก ถ้าขายแยกนี่โกรธเลย มันคุ้มมากอ่ะ
นี่ก็เป็นรีวิวจุดเด่นๆ และสิ่งที่ทำให้ OPPO N3 ตัวนี้น่าใช้ น่าพกพาไปไหนต่อไหนด้วยจริงๆค่ะ ใช้แล้วรักเลย
ไว้โอกาสหน้ามีอะไรใหม่ๆ จะมารีวิวให้ชมกันอีกนะคะ