ป้ายกำกับ

[รีวิว] หูฟังไร้สาย B&O Beoplay EQ ความหรูหราที่มาพร้อมกับเสียงที่นุ่มละมุน


ในที่สุดแบรนด์ Bang & Olufsen ก็เปิดตัวหูฟังไร้สายที่มีระบบตัดเสียงรบกวนรุ่นแรก นั่นก็คือ Beoplay EQ โดยระบบตัดเสียงรบกวน (Adaptive noise cancelling) ของรุ่นนี้ จะปรับไปตามสภาพแวดล้อมรอบๆตัว(เจ๋งมากกกกก)



การออกแบบ 

B&O Beoplay EQ เป็นหูฟังไร้สายดีไซน์หรูหราที่ออกแบบโดย Thomas Bentzen ต้วตลับชาร์จภายนอกเป็นอลูมิเนียม เคลือบสีทองด้านดูหรูหราสวยงาม ด้านในตลับสีครีมด้านเช่นกัน ส่วนด้านใต้ตลับชาร์จเคลือบพลาสติกสีครีม มีสกรีนรายละเอียดหูฟังไว้(เล็กมาก) ตัวหูฟังสีครีม มีสัญลักษณ์ B&O บนแผ่นอลูมิเนียมกลมที่เป็นจุดสำหรับสัมผัสเพื่อควบคุมตัวหูฟัง





ตัวหูฟังมีลักษณะค่อนไปทางกลม และใหญ่ ใครที่ใบหูเล็ก อาจต้องหาที่ทดลองก่อนซื้อใช้งานจริง ส่วนตัวลำโพง in-ear ขนาดทั่วๆไป จุกซิลิโคนสามารถเปลี่ยนได้(ให้มา 4 คู่) และยังให้จุกโฟมสีดำเพิ่มมาอีก 1 คู่ **จุกยางควรเปลี่ยนให้ขนาดพอดีกับรูหู จะได้ไม่อึดอัด อย่างผู้เขียนรูหูเล็ก จึงใช้ไซซ์ S ใส่แล้วพอดี ไม่แน่นจนปวด ใส่ยาวๆได้เลย ดูหนังฟังเพลงหลายชั่วโมงได้สบายๆ




B&O Beoplay EQ นั้นมีไมค์ถึง 6 ตัว(ข้างละ 3) เวลาใช้งานพูดคุย ฝั่งตรงข้ามได้ยินเสียงชัดเจน ไม่ต้องออกแรงพูดให้ดังจนเจ็บคอ และด้วยไดรเวอร์ขนาด 6.8 mm แบบ Electro-dynamic เสียงที่ได้ยินจึงชัดเจน แต่ไม่บาดหู เน้นไปทางโปร่งใส และนุ่มนวล

การใช้งาน 

B&O Beoplay EQ นั้นเมื่อเริ่มใช้งาน อาจทำให้เรางงๆอยู่พักนึง เพราะเมื่อเราพยายามเชื่อมต่อ มันจะไปเชื่อมต่อกับตัวตลับก่อนซะงั้น ให้เราไปโหลดแอพฯ Bang & Olufsen จาก playstore มาติดตั้งก่อน หลังจากนั้นค่อยเข้าไปที่ตัวแอพฯเพื่อเลือกอุปกรณ์ที่เราจะเชื่อมต่อ ก็คือหูฟังของเรานั่นเอง แอพฯของ B&O สามารถเลือกเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของทางแบรนด์ได้หลากหลาย ทั้งตระกูลหูฟัง ลำโพง ลำโพงบลทูธ และสมาร์ททีวี




หลังจากเลือกหูฟังบนแอพฯให้ตรงรุ่นแล้ว ก็ค่อยเชื่อมต่อกับบลูทูธของโทรศัพท์อีกที (ขั้นตอนนี้จะงงๆหน่อย แต่ถ้าเชื่อมต่อเสร็จก็ง่ายละ) หูฟังรุ่นนี้จะเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ก็ต่อเมื่อดึงตัวหูฟังออกจากตลับชาร์จเท่านั้น เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว ตัวแอพฯจะเข้าไปสู่หน้า SET UP และควบคุมการใช้งาน โดยจะมีสัญลักษณ์แสดงแบตเตอรี่คงเหลือ ของหูฟังแยกซ้ายขวา และของตัวตลับชาร์จ 



ต่อมาก็จะเป็นเมนูต่างๆ ตั้งแต่ 
1. Now Playing ปุ่มสำหรับ เล่น/หยุด เลื่อนเพลง
2. VOLUME สำหรับปรับระดับเสียง 
3. SURROUNDINGS สำหรับปรับระบบตัดเสียงรบกวน โดยมี 3 แบบ คือ
     Noise cancellation - ตัดเสียงรบกวนภายนอก มีให้ 3 ระดับ และยังสามารถตั้งแบบ Adaptive ANC คือจะปรับไปตามสภาพแวดล้อมรอบๆตัวแบบอัตโนมัติ
     Transparency - เป็นการดึงเสียงจากภายนอกเข้ามาในหูฟังด้วย ทำให้เรายังได้ยินเสียงข้างนอกเพื่อความปลอดภัย
     Neutral - ตั้งค่าแบบกลางๆ(เท่าที่ลองฟังก็ไม่ค่อยต่างกับตอนเปิด Noise cancellation)

นอกจากนั้นยังแยกการใช้งานระบบตัดเสียงรบกวน ขณะฟังเพลง กับ ขณะคุยสายอีกด้วย โดยจะมีเมนู CALL SETTINGS แยกต่างหากให้ เราสามารถเข้าไปตั้งค่าในเมนูนั้นได้ว่า เราจะเลือกแบบ Noise cancellation , Neutral หรือ Own Voice

Own Voice จะเป็นการจับเฉพาะเสียงพูดของเราโดยกรองเสียงรบกวนรอบข้างออกไป





การตั้งค่าโหมดเสียงต่างๆ

B&O Beoplay EQ มี default mode เสียงมาให้ 5 แบบOptimal , Sport , Commute , Clear และ Podcast แต่เราสามารถตั้งค่าใหม่เองได้ โดยการตั้งค่าจะเป็นแบบ O Pad ให้เราเข้าไปหมุนๆเลือกโทนเสียงที่เราพอใจ แต่จะเลือกมาแสดงโหมดที่หน้าหลักได้ 5 โหมดเท่านั้น




การฟังเพลง 

เสียงของ B&O Beoplay EQ นั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทาง Bang & Olufsen เลย ที่จะเน้นเสียงร้อง เสียงกลาง มากกว่าเสียงเบส เพราะฉะนั้นเวลาฟังเพลง คุณจะไม่ได้เสียงเบสกระแทกตึงตังเป็นลูกๆแน่นอน แต่เบสจะมาแบบนุ่มลึก ให้รู้ว่ามีมาแต่ไม่ปวดหู เสียงร้องใส ชัดเจน แต่ไม่แสบหู รายละเอียดเครื่องดนตรีมาครบ ปลายเสียงจะกลมๆ ส่วนสเตจนั้นจะออกแนวกว้างๆ ไม่อู้อี้อึดอัด เรียกได้ว่า B&O Beoplay EQ นั้นฟังเพลงได้สบายๆหลากหลายแนว รวมไปถึงร็อคที่เบสหนักๆ แค่ไม่กระแทกจนถึงแกนสมองเท่านั้นเอง(ฮา....) 

B&O Beoplay EQ นั้นรองรับ Codec เสียง: SBC, AAC, aptX Adaptive เรียกได้ว่าหากเครื่องเล่นที่รองรับ Codec แบบไหนก็สามารถเลือกใช้ได้ ยกตัวอย่าง Samsung Galaxy Z Fold 3 ของผู้เขียน รองรับ Codec แบบ aptX Adaptive ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ก็สามารถใช้งานร่วมกับหูฟังตัวนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ

ผู้เขียนทดสอบฟังเพลง My all - Mariah Carey เสียงร้องใสๆพริ้วๆ เหมือนดั่งมารายห์มาร้องข้างหู สุดมาก หรือจะเพลง I have Nothing - Withney Houston ที่เสียงทั้งชัด เครื่องดนตรีรายละเอียดชัด สเตจก็กว๊าง กว้างงงง จนเผลอร้องตาม หรือจะเพลงจังหวะเซ็กซี่สนุกๆอย่าง Could I Have This Kiss Forever - Whitney Houston x Enrique Iglesias ก็อิ่มทั้งเสียงร้องและเครื่องดนตรี หรือจะลองเบสแน่นๆบ้าง อย่าง JBL Bass Test 2022 ก็ยังฟังได้ตึ้บๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น จุกยางต้องเลือกให้ขนาดพอดีกับรูหูเราด้วยนะ

ส่วนการดูหนัง เล่นเกม เสียงไม่ดีเลย์  ไม่หน่วง เพราะความที่เป็น Bluetooth version 5.2 ด้วย ทำให้เพลิดเพลินกับระบบ entertainment ได้อย่างเต็มที่เลย




วิธีการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส 

หูฟังข้างขวา
แตะ 2 ครั้งเพื่อ - เล่น/หยุดเพลง & รับสาย/วางสาย 
แตะ 2 ครั้งแล้วค้างไว้เพื่อ - เพิ่มเสียง

หูฟังข้างซ้าย
แตะ 2 ครั้งเพื่อ - เปลี่ยนโหมดตัดเสียงรบกวนขณะฟังเพลง
                      - เลือกโหมด Own Voice เมื่อใช้สาย
แตะ 2 ครั้งแล้วค้างไว้เพื่อ - ลดเสียง

ข้อเสียที่พบตรงจุดนี้คือ ไม่มีคำสั่งสัมผัสเพื่อเปลี่ยนเพลง หรือ สัมผัสเพื่อเรียกใช้ผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri หรือ Google Assistant  (หวังว่าทาง B&O จะพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อรองรับจุดนี้)




ระยะเวลาการใช้งาน 

เรียกได้ว่าฟังกันจนลืมเวลา เพราะ B&O Beoplay EQ นั้นสามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ถึง 6.5 ชั่วโมง(ขณะเปิด ANC) และ 7.5 ชั่วโมง(ขณะปิด ANC) และ 20 ชั่วโมงเมื่อใช้งานร่วมกับตลับชาร์จ เรียกว่าฟังได้ทั้งวัน เช้ายันค่ำมืด กลับบ้านค่อยชาร์จ

หรือหากสมาร์ทโฟนคุณมีระบบ Reverse charging ก็สามารถใช้สมาร์ทโฟนของคุณเป็นที่จ่ายไฟชาร์จแบบไร้สายให้ B&O Beoplay EQ ในระหว่างวันได้อีกด้วย (B&O Beoplay EQ รองรับการชาร์จแบบไร้สายนะ)

B&O Beoplay EQ นั้นยังมาพร้อมกับระบบกันฝุ่นและละอองน้ำที่ IP54 ทำให้สามารถใส่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเรียกเหงื่อได้สบายๆ และยังไม่หลุดจากหูง่ายๆด้วย 

ชาร์จไร้สาย 1 ชั่วโมง 30 นาที เต็ม


การอัพเดตซอฟต์แวร์หูฟัง 

ตัวหูฟังนั้นมีการอัพเดตโดยทำเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์ โดยหลังจากที่ซื้อมาใช้งาน มีการอัพเดตไป 1 ครั้งถ้วน และค่อนข้างใช้เวลาในการอัพเดตพอสมควร แรกๆผู้เขียนก็งงๆกับการอัพเดต เพราะ Lost Connection บ่อยมาก จนถึงบางอ้อว่า เปิดฝาตลับชาร์จไว้ และวางหูฟังไว้ข้างๆ และไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ปล่อยยาวเลย หันกลับมาอีกทีเสร็จแล้ว



โดยซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นของหูฟัง ล่าสุดอยู่ที่ 5.3.7
ส่วนซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นของ B&O app ล่าสุดอยู่ที่ 3.20.6.41812

สรุปจากการใช้งานจริงของผู้เขียน

ข้อดี
- สวย หรูหรา ลูกคุณมากๆ 
- ใส่สบาย ไม่หลุดง่าย ใส่นานๆได้ไม่ปวดหู ใส่ดูหนัง ดูซีรีส์ได้สบายๆ
- เสียงดี ฟังสบายไม่อึดอัด ไม่บาดหู ไม่เมื่อยหู ฟังเพลงได้ทุกแนว
- ระยะเวลาฟังต่อเนื่องต่อการใส่ 1 ครั้ง ยาวนานดี
- ชาร์จไฟเต็มไว ทั้งหูฟังและตลับชาร์จ ชาร์จไร้สายได้

ข้อเสีย
- ไม่สามารถแตะเพื่อเปลี่ยนเพลงได้(หวังว่าจะอัพเดตซอฟต์แวร์แล้วทำได้)
-  เมื่อถอดพหูฟังออก เพลงยังเล่นอยู่ เพียงแต่เสียงไม่ออกที่หูฟัง(ควรหยุดเพลง)


Dust and Waterproof Rating

IP54 (dust and splash/sweat resistant)

Dimensions (mm)

Earphones: 24 W x 22 H x 27 D Charging case: 77 W x 40 H x 26 D

Weight

Earphones: Right: 8g Left: 8g Charging case: 50 g (without earbuds)


Battery Life

Up to 6.5 hours with ANC Up to 7.5 hours without ANC Up to 20 hours with charging case at moderate volume

Charging Time

Earphones: approx. 1 ½ h Charging Case (USB-C): 1.40 h Charging Case (Qi Wireless): 1.50 h Charging for 20 minutes gives approximately 2 hours playback.

Battery Size

Earphones: Right (Primary) 85 mAh Left (Secondary) 85 mAh Charging Case: 340 mAh


สีที่วางจำหน่ายมีทั้งหมด 3 สี Black , Sand , Nordic Ice


สวยทั้ง 3 สี แต่สี Nordic Ice เป็นสี Limited นะ เผื่อใครอยากได้
ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 15,900 บาท ส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แต่เพราะมันคือ Bang & Olufsen ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใครสนใจก็ไปหาลองฟังกันดูตามร้านจำหน่ายเครื่องเสียงชั้นนำได้เลย

มูเบาๆ ^_^


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น