ป้ายกำกับ

Samsung ปล่อยโปร(เก่าแลก)ใหม่เอาใจสาวกเต็มที่ รีบไปช้อปกัน!!



 กระแสเก่าแลกใหม่สำหรับ Galaxy S22 Series ยังไม่ทันจาง ซัมซุงเอาใจสาวกจอพับกับรุ่นเล็กด้วยการออกโปรเก่าแลกใหม่ให้กับรุ่น Galaxy Z Fold3 5G, Galaxy Z Flip3 5G และ Galaxy S21 FE


โปรใหม่ที่ว่านี้คืออ....โปรโมชั่น ผ่อน 0% x 10 เดือน , cashback สูงสุด 19.5% สำหรับ Z Flip3 l Z Fold 3 l S21 FE 


วันนี้ เรื่อยเปื่อยReview จะมาอธิบายโปรใหม่ให้ดูกัน

โปรเก่าแลกใหม่ มีส่วนลด on top ให้สำหรับการซื้อแต่ละรุ่นดังนี้

- Z Flip3 ลดเพิ่ม(on top) 3,000.-

- Z Fold3 ลดเพิ่ม(on top) 5,000.-

- S21 FE ลดเพิ่ม(on top) 2,000.- 


และยังมี Cash back สำหรับบัตรเครดิต KTC และบัตรกรุงศรี ดังนี้

Cashback 19.5% 》 KTC

Cashback 6% 》 กรุงศรี (แลกพ้อยได้เพิ่ม 1,200 บาท)


ตัวอย่าง

สนใจซื้อ Z Flip3 โดยนำมือถือเก่ารุ่นที่ร่วมรายการมาแลก รับส่วนลด ผ่อนสบาย ได้ Cashback คืน


ใช้บัตร KTC 

ซื้อ Flip3 ราคา 34,900

เอา ip12 pro มาแลก ลด 26,000

ลดเพิ่มจากราคาประเมินอีก 3,000 

เหลือ 5,900

ผ่อน 0% 10 เดือน =  590/เดือน

ได้ cashback 19.5% = 1,150 บาท

(4.5% = 265.5 บาท + แลก 5,900 คะแนน ได้อีก 15% = 885 บาท)

โปรเด็ดอย่างนี้รีบไปช้อปกันเล้ยยยย....

Samsung เตรียมขาย Flashdrive Type-C ชดเชยสมาร์ทโฟนที่เพิ่มหน่วยความจำไม่ได้


 

หลังจากที่ Samsung ได้เปิดตัว Galaxy S22 Series ออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยมีหลายๆเสียงบ่นเรื่องหน่วยความจำที่ไม่สามารถเพิ่ม microsd ได้ ล่าสุดมีข่าวว่า Samsung ได้เตรียมจำหน่าย Flash Drive Type-C มารองรับปัญหานี้



Samsung ได้เปิดตัวแฟลชไดรฟ์ USB Type-C ใหม่ซึ่งมีให้ในรุ่น 64GB (MUF-64DA), 128GB (MUF-128DA) และ 256GB (MUF-256DA) โดยมี ชิปแฟลช NAND ของ Samsung และการเชื่อมต่อ USB 3.2 Gen 1 (เข้ากันได้กับ USB 2.0) โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีความเร็วในการอ่านข้อมูลแบบต่อเนื่องสูงถึง 400MB/s ด้วยแฟลชไดรฟ์ตัวใหม่ ซึ่งเร็วพอที่จะถ่ายโอนภาพหลายร้อยภาพหรือไฟล์วิดีโอ 4K/8K ได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที


แฟลชไดรฟ์ใหม่มาในขนาดกะทัดรัดเป็นพิเศษ โดยมีน้ำหนักเพียง 3.4 กรัม และขนาด 33.7×15.9×6.4 มม. นอกจากนี้ยังกันน้ำ กันกระแทก กันแม่เหล็ก ทนอุณหภูมิ และกันรังสีเอกซ์ คุณจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลมากจนเกินไป Samsung ยังเสนอการรับประกัน 5 ปีสำหรับอุปกรณ์ตัวนี้ด้วย


Samsung ยังไม่ได้ประกาศราคาสำหรับแฟลชไดรฟ์ USB Type-C ใหม่ แต่เดาว่าจะวางขายในไม่ช้า...ที่สำคัญ ขอราคาไม่แพงนะ

ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดพรีออร์เดอร์ Surface Laptop Studio ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป


ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดพรีออร์เดอร์ Surface Laptop Studio ใหม่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายสำหรับลูกค้าภาคธุรกิจ CipherMed และ ADD In Business และสำหรับลูกค้าทั่วไปที่  Banana IT, JIBDKANIT CityPower BuyShopee Microsoft Authorized Store and Lazada Microsoft Authorized Store

 

Surface Laptop Studio

Surface Laptop Studio เป็นแล็ปท็อปที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดของเรา โดยถูกออกแบบขึ้นให้เป็นผลิตภัณฑ์ในอุดมคติของนักพัฒนา ครีเอทีฟมืออาชีพ นักออกแบบ และเกมเมอร์ เพื่อนำเสนอประสิทธิภาพการทำงานแบบทรงพลังเสมือนเดสก์ท็อป ความสะดวกในการพกพาของแล็ปท็อป และความสามารถของสตูดิโอครีเอทีฟรวมกันในอุปกรณ์เดียว มาพร้อมกับทัชสกรีนอันทันสมัยขนาด 14.4 นิ้ว[1] หน้าจอ 120Hz สีสันสดใส ลำโพง Quad Omnisonic™ และระบบเสียง Dolby Atmos® ที่เต็มอรรถรส เพื่อช่วยให้คุณทำงาน สร้างสรรค์ และเล่นในรูปแบบที่คุณต้องการ



 นอกจากนี้ Surface Laptop Studio ยังมาพร้อมบานพับแบบ Dynamic Woven Hinge เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนโหมดการใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ


 

  • ในโหมดแล็ปท็อป ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การพิมพ์ชั้นยอดกับคีย์บอร์ดแบบเต็มรูปแบบ และทัชแพด Precision Haptic ที่มีระบบสัมผัสแม่นยำ
  • เมื่ออยู่ในโหมด Stage หน้าจอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 14.4 นิ้ว จะถูกดึงออกมาข้างหน้าในมุมที่เหมาะกับการใช้งานเพื่อเล่นเกม สตรีมมิ่ง การเชื่อมต่อด็อกกิ้ง หรือการนำเสนองานกับลูกค้า และเมื่อคีย์บอร์ดถูกปกปิดด้วยหน้าจอ คุณจะสัมผัสประสบการณ์การใช้หน้าจออย่างเต็มอรรถรส และสามารถสั่งงานด้วย Surface Slim Pen 2 การสัมผัส หรือทัชแพด
  • ในโหมด Studio คุณสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอเสมือนผืนผ้าใบทรงประสิทธิภาพเพื่อการวาด เขียน สเก็ตช์ภาพ หรือการสร้างสรรค์ผลงานแบบอื่น ๆ ได้อย่างปราศจากการรบกวน



นอกจากนี้ Surface Slim Pen 2 ยังถูกจัดเก็บได้อย่างเป็นระเบียบภายใต้คีย์บอร์ด ซึ่งจะยึดติดกันด้วยแม่เหล็กและชาร์จแบตเตอรี่เพื่อความสะดวกต่อการหยิบใช้เมื่อผู้ใช้รู้สึกมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ โดยพวกเขาสามารถปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่นด้วยการใช้งานแล็ปท็อปที่เต็มไปด้วยความสามารถรอบด้านรุ่นนี้ ให้ใช้งานเพื่อพัฒนาแอป รับชมวิดีโอ และสตรีมเกมที่มีความเร็วสูง โดยโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 11 H35 และจีพียู NVIDIA® GeForce RTX™ ทำให้ Laptop Studio มีพลังในการทำงานในรูปแบบใดก็ตามให้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย


“เราเฝ้ารอที่จะนำ Surface Laptop Studio รุ่นใหม่มาสู่ประเทศไทย ซึ่งมาพร้อมกับสุดยอดนวัตกรรมในช่วงเวลาหลายปีของ Surface ทั้งบานพับ หน้าจอ ซีพียู และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงการนำสุดยอดแห่งตำนานของ Surface มาผสานกันในอุปกรณ์ที่ทรงประสิทธิภาพเพียงหนึ่งเดียว ด้วยการออกแบบเพื่อการใช้งานกับ Windows 11 จะเชื่อมั่นได้ว่า Surface Laptop Studio จะช่วยให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ได้รับแรงบันดาลใจ และรู้สึกใกล้ชิดกับสิ่งที่คุณรักมากยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพและรูปร่างที่สามารถยืดหยุ่นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดของอุปกรณ์นี้” นางชนิกานต์ โปรณานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและปฏิบัติการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “นอกจากนี้ ประเทศไทยยังพร้อมแล้วกับการวางจำหน่าย Surface Pro 8 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Pro ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเรา Windows เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมระดับโลกมาโดยตลอด โดยเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ใครก็ตามสามารถสร้างสรรค์ เชื่อมต่อ เรียนรู้ และบรรลุเป้าหมายของพวกเขาได้สำเร็จ ในขณะที่ Windows ได้เปลี่ยนแปลงประสบการณ์ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ก็ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้คนจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Surface Pro 8 ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดครั้งสำคัญของเรานับตั้งแต่การเปิดตัว Pro 3 ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสนับสนุนให้ผู้คนจำนวนเพิ่มขึ้นมีผลิตผลและความยืดหยุ่นในการสร้างสรรค์และทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น ทุกที่ทุกเวลา”


Surface Pro 8

Surface Pro 8 ใหม่ วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายสำหรับลูกค้าภาคธุรกิจ Cipher Med และ ADD In Business  และสำหรับลูกค้าทั่วไปที่ Banana IT, JIB, DKAN, IT City, Power Buy, Shopee Microsoft Authorized Store and Lazada Microsoft Authorized Store



Surface Pro 8 ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทำงานร่วมกับ Windows 11 อย่างลงตัวที่สุด โดยผสมผสานขุมพลังของแล็ปท็อปเข้ากับความยืดหยุ่นของแท็บเล็ตในทุกๆ ด้าน มาพร้อมขาตั้ง Kickstand อันเป็นเอกลักษณ์และคีย์บอร์ดแบบถอดได้ที่มีช่องจัดเก็บปากกาและสามารถชาร์จ Slim Pen ในตัว[2] ด้วยราคาเริ่มต้นที่ [4,900บาท] Surface Pro 8 จะมาพร้อมหน้าจอสัมผัส PixelSense ขนาด 13 นิ้วที่มีสีสันสดใส กล้องแบบ full HD ระบบเสียง Dolby® Atmos™ และไมโครโฟน Studio Mics แบบคู่ระยะไกล มอบทั้งภาพและให้เสียงที่ดีที่สุด 


 


ยิ่งไปกว่านั้น Surface Pro 8 ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมตัวใหม่คือ Surface Pro Signature Keyboard ที่มีช่องเก็บปากกาในตัว สำหรับ Surface Slim Pen 2 ที่ปรับปรุงให้ลื่นกว่าเดิม สามารถชาร์จปากกาได้ในตัวคีย์บอร์ด พร้อมบันทึกทุกไอเดียและแรงบันดาลใจใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ด้วยอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การวาดเขียนเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าที่เคย 


 


Surface Pro 8 โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัส PixelSense ขนาด 13 นิ้วที่มี ขอบจอบางเฉียบ พร้อมเพลิดเพลินกับประสบการณ์การรับชมที่สบายตาและสมจริงด้วยเทคโนโลยี Dolby® Vision™ และ Adaptive Color ให้ดูสว่างสดใสในการรับชมมากกว่าที่เคย จึงนับเป็นจอแสดงผลที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดเท่าที่ไมโครซอฟท์เคยพัฒนามา พร้อมด้วยกล้องหน้า 5MP ที่น่าทึ่ง และกล้องหลัง 10MP ที่รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ทำให้ Surface Pro 8 นับเป็นอุปกรณ์ไฮบริดที่สมบูรณ์พร้อม ที่มอบทั้งประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตที่คล่องตัวและสะดวกต่อการพกพา และที่สุดของประสบการณ์การติดตั้งเพื่อการทำงานจากที่บ้าน


Surface Pro Signature Keyboard ใหม่ จะมาพร้อมความสามารถในการจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่ของ Surface Slim Pen 2 ซึ่งมอบความสะดวกและความพร้อมต่อการหยิบใช้งานเมื่อใดก็ตามที่เกิดแรงบันดาลใจ ด้วยอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การวาดเขียนเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าที่เคย โดย Surface Pro 8 มีราคาเริ่มต้นที่ 52,780บาท และพร้อมวางจำหน่ายแล้วในวันนี้


 


Surface Laptop Studio จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายสำหรับลูกค้าภาคธุรกิจ Cipher Med และ ADD In Business  และสำหรับลูกค้าทั่วไปที่ Banana IT, JIB, DKAN, IT City, Power Buy, Shopee Microsoft Authorized Store and Lazada Microsoft Authorized Store


 


Surface Laptop Studio วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ ในรูปแบบดังต่อไปนี้



หนังใหม่น่าดู "Brave: Gunjo Senki เบรฟ เจาะเวลา ฉะซามูไร"

 



M PICTURES นำเสนอ ความมันส์ระห่ำแหลกครั้งใหม่ใหญ่กว่าเดิมบนจอภาพยนตร์เต็มรูปแบบ กับมหึมาการผจญภัยย้อนเวลาที่จะพลิกไฮสคูลให้กลายเป็นสมรภูมิของโคตรซามูไร ในภาพยนตร์แอ็กชั่นแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ "Brave: Gunjo Senki เบรฟ เจาะเวลา ฉะซามูไร" 




นำทีมโดย "แมคเคนยู" นักแสดงหนุ่มขวัญใจสาวๆ ที่หวนกลับมาแสดงนำในภาพยนตร์อีกครั้งกับบท "อาโออิ นิชิโนะ" เด็กหนุ่มผู้ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมจากชมรมยิงธนูที่ต้องมาเป็นความหวังสุดท้ายของเพื่อนทั้งโรงเรียนเพื่อกอบกู้ชะตากรรม และอนาคตให้รอดพ้นจากยุคสงครามที่มืดหม่นที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่มี "กองทัพซามูไร" อยู่เกลื่อนรอบทุกสารทิศภายใต้เวลาอันจำกัด ซึ่งงานนี้พวกเขาทุกคนจำต้องงัดเอาทักษะความสามารถของตัวเองไม่ว่าจะเป็นการยิงธนู, เทควันโด, ชกมวย, ฟันดาบ, เบสบอล หรือแม้แต่วิทยาศาสตร์ มาร่วมกันประจัญบานสู้หนีตายในแดนสงครามซามูไรญี่ปุ่นแห่งยุคเซ็นโงคุจึงเริ่มขึ้น...



"Brave: Gunjo Senki เบรฟ เจาะเวลา ฉะซามูไร" สร้างจากมังงะยอดฮิตของ "อาจารย์มาซากิ คาซาฮาระ" ที่ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Weekly Young Jump ของทาง Shueisha ในปี 2013 ก่อนที่จะได้มีการตีพิมพ์แบบรวมเล่มในภายหลัง ถึงตอนนี้มังงะเรื่องนี้มียอดขายทะลุหลัก 100,000 เล่มเข้าไปแล้วในญี่ปุ่นและได้รับการโหวตจากแฟนๆ ให้เป็นหนึ่งในมังงะที่ควรถูกนำไปสร้างเป็นไลฟ์แอ็กชั่นมากที่สุด โดยมีผู้อ่านเข้าร่วมโหวตมากถึง 10,000 คน ด้วยพล็อตที่ทวีความเข้มข้นและสนุกน่าติดตามแบบวางไม่ลง ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็วและในที่สุดมันก็ได้ถูกดัดแปลงเป็น "ภาพยนตร์ Live Action" สมใจแฟนๆ ที่เรากำลังจะได้ชมกันในเร็ววันนี้



โดยฝีมือผู้กำกับ "คัตซึยูกิ โมโตฮิโระ" ที่เคยใส่เต็มความมันส์ระดับปรากฏการณ์ให้สะเทือนทั่วเอเชียมาแล้วใน "Ajin: Demi-Human อาจิน ฅนไม่รู้จักตาย" จับมือทีมผู้สร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอย่าง Attack on Titan และ Shin Godzilla ซึ่งจะมาผนึกกำลังเจาะเวลาฉะเดือดสงครามให้เบรฟสมชื่อ และตอกย้ำให้ทุกคนต้องไม่พลาดชม "Brave: Gunjo Senki เบรฟ เจาะเวลา ฉะซามูไร" อีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดเจป๊อปที่จะกลายมาเป็นมหกรรมความระห่ำครั้งสำคัญแห่งปี จนทุบสถิติรายได้ชนะหนังบล็อกบัสเตอร์ฝั่งฮอลลีวูดทั้ง Free Guy และ A Quiet Place Part II ขาดลอยในญี่ปุ่น คนไทยรอนับถอยหลังได้เวลาไทม์ออฟไฟท์ วอร์มร่างกายให้สตรองพร้อมปะทะซามูไรไปด้วยกัน





ถึงเวลาปะฉะดะสู้ยิบตา เปิดประตูสู่มิติมืดที่คนจริงเท่านั้นจะเป็นผู้ชนะ "Brave: Gunjo Senki เบรฟ เจาะเวลา ฉะซามูไร" 17 ก.พ.นี้ ในโรงภาพยนตร์

เปิดตัว OPPO Reno7 5G และ Reno7 Pro 5G สมาร์ทโฟน “The Portrait Expert” ชูกล้องวิดีโอพอร์ตเทรตที่ดีที่สุด

 


ออปโป้ ไทยแลนด์ เปิดตัว “OPPO Reno7 Series 5G” อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ชูคอนเซ็ปต์ “The Portrait Expert” สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตได้ดีที่สุด มอบประสบการณ์การถ่ายวิดีโอและภาพพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพได้เสมือนกล้อง DSLR ด้วยฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait Video แบบอัปเกรด และ Portrait Mode ใหม่ พร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ OPPO Glow และเทคโนโลยี LDI มอบดีไซน์ระยิบระยับเสมือนฝนดาวตก เปิดราคาแล้วทั้ง รุ่น ได้แก่ OPPO Reno7 5G ราคา 16,990 บาท และ OPPO Reno7 Pro 5G ราคา 22,990 บาท จองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 18 กุมภาพันธ์ พร้อมรับโปรโมชั่นและเซ็ตของพรีเมี่ยม สำหรับผู้ที่จอง OPPO Reno7 5G รับฟรี OPPO Enco Buds และ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก มูลค่ารวม 6,999 บาท และสำหรับผู้ที่จอง OPPO Reno7 Pro 5G รับฟรี OPPO Enco Air2 รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก มูลค่ารวม 10,499 บาท และพิเศษเมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ราคาเริ่มต้นเพียง 6,990 บาท

 

OPPO Reno7 Series 5G สมาร์ทโฟน “The Portrait Expert” ตัวจริงที่มอบประสบการณ์การถ่ายวิดีโอและภาพพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ ครั้งแรกกับการพลิกโฉมงานดีไซน์และประสิทธิภาพครบเครื่องที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานในชีวิตประจำวันครบทุกด้าน



มอบประสบการณ์การถ่ายวิดีโอและภาพพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพได้เสมือนกล้อง DSLR

OPPO Reno7 Series 5G ตอกย้ำการเป็น “The Portrait Expert” ตัวจริง ที่มาพร้อมฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอและภาพพอร์ตเทรตที่ได้รับการอัปเกรดไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็น Bokeh Flare Portrait Video มอบเอฟเฟ็กต์โบเก้สวย ที่มีระยะชัดลึกในการถ่ายวิดีโอเสมือนกล้อง DSLR ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่ และ Portrait Mode ใหม่ที่สามารถปรับรูรับแสงได้ถึง 25 ระดับ ทำงานร่วมกับอัลกอริธึม AI แบบอัปเดตจะช่วยมอบดวงไฟโบเก้ที่มีความสวยงามและเสถียรมากขึ้น โดยสามารถปรับดวงไฟโบเก้ในฉากหลังตามขนาด สี และความสว่างในระยะที่แตกต่างกันได้ตามต้องการ และช่วยเพิ่มการจดจำวัตถุเพื่อสร้างสรรค์วิดีโอพอร์ตเทรตที่สวยงามในระดับมืออาชีพ ในขณะเดียวกันยังสามารถตรวจจับและช่วยคงพื้นผิวและโทนสีผิวได้เพื่อสร้างสรรค์วิดีโอและภาพพอร์ตเทรตที่ปลดปล่อยตัวตนของผู้ที่ถูกถ่ายได้โดดเด่น และสวยงามในทุกๆ ช่วงเวลา


โดย OPPO Reno7 5G มาพร้อม AI 3 กล้องหลัง ความละเอียด 64MP+8MP+2MP และกล้องหน้าความละเอียด 32MP ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพระดับแฟล็กชิพถึง ตัวทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ได้แก่ Sony IMX709 และ Sony IMX766 ที่ OPPO ได้สร้างร่วมกับ Sony เพื่อเป็นรากฐานในการสร้างประสบการณ์การถ่ายวิดีโอและภาพพอร์ตเทรตที่สมบูรณ์แบบ โดยกล้องหลังมีความละเอียด 50MP+8MP+2MP และกล้องหน้าความละเอียด 32MP


พลิกโฉมดีไซน์ครั้งแรกในอุตสาหกรรม ด้วยดีไซน์ฝาหลังแบบฝนดาวตก

OPPO Reno7 Series 5G ทั้ง รุ่นมาในรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสวยงามด้วยเทคนิค OPPO Glow อันเป็นเอกสิทธิ์จาก OPPO และได้รับการต่อยอดความงดงามไปอีกขั้น โดยตัวเครื่องสีฟ้า Startrails Blue ได้ใช้เทคโนโลยี Laser Direct Imaging (LDI) บนดีไซน์ภายนอกของสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม ในการแกะสลักฝาหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเส้นแสงของฝนดาวตก มอบเอฟเฟ็กต์ระยิบระยับเปล่งประกายด้วยสีสันไม่หยุดนิ่งราวกับสะเก็ดดาวตกนับล้านดวง พร้อมเอฟเฟ็กต์แสงสะท้อนที่สามารถเปลี่ยนสีไปมาตามมุมมองต่างๆ ในขณะที่ตัวเครื่องสีดำ Starry Black ใน OPPO Reno7 5G ให้สีเกรเดียนท์ไล่ระดับสีดำ-น้ำเงินโดดเด่นไม่เหมือนใคร ผสานไปกับความระยิบระยับเปล่งประกาย หรือสีดำ Starlight Black ใน OPPO Reno7 Pro 5G ที่มีฝาหลังสีดำที่ตระการตาไปด้วยคริสตัลนับล้านในจักรวาลสะท้อนตัวตนอันคลาสสิคและพรีเมี่ยมของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Orbit Breathing Light เป็นอีกหนึ่งดีไซน์บน OPPO Reno7 Pro 5G ที่ใช้เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแสงรูปแบบวงกลม มิติล้อมรอบบริเวณกล้องหลัง และจะเปล่งแสงอย่างนุ่มนวลเมื่อมีสายเรียกเข้า แจ้งเตือน หรือในระหว่างการชาร์จ


OPPO Reno7 Series 5G ทั้ง รุ่นมาในดีไซน์ Ultra Slim Body บางเฉียบ ทำให้สามารถจับถือได้อย่างสบายมือ โดย OPPO Reno7 5G ดีไซน์ขอบโค้งมน มีน้ำหนักเพียง 173 กรัม และมีความบางน้อยกว่า 7.81 มิลลิเมตร พร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4” แสดงผลความไวสูงถึง 90Hz ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G ดีไซน์ขอบเหลี่ยม มีน้ำหนักเพียง 180 กรัม และมีความบาง 7.45 มิลลิเมตร พร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5” แสดงผลความไวสูงถึง 90Hz มอบประสบการณ์ที่ไหลลื่น สมจริง และเต็มตา


ประสิทธิภาพครบเครื่องรองรับ 5G ล้ำสมัย และเทคโนโลยีชาร์จเร็วตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน

สำหรับ OPPO Reno7 5G รองรับการสื่อสารแห่งอนาคต 5G และ Wi-Fi 6 เพื่อมอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วยขุมพลัง MediaTek Dimensity 900 5G SoC พร้อมกับ RAM ขนาดใหญ่ 8GB และ ROM 256GB อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี RAM Expansion เพิ่ม RAM ได้สูงสุด 5GB มอบประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด ถึงแม้จะมีดีไซน์บางเฉียบ แต่ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,500mAh ควบคู่กับ 65W SUPERVOOCTM ชาร์จไวขั้นสุดเพียง 31 นาที สามารถชาร์จได้เต็ม 100% และชาร์จเพียง นาที สามารถเล่นเกมได้นานถึง ชั่วโมง

 

ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังระดับแฟล็กชิพรุ่นล่าสุด MediaTek Dimensity 1200-MAX พร้อม 5G SoC มอบประสบการณ์ 5G ที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน พร้อมทั้ง RAM 12GB และ ROM 256GB และยังมาพร้อมเทคโนโลยี RAM Expansion เพิ่ม RAM ได้สูงสุดถึง 7GB  มอบประสิทธิภาพลื่นไหลขั้นสุด มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh และเทคโนโลยี 65W SUPERVOOCTM ชาร์จไวไม่ต้องรอนานเพียงแค่ 31 นาทีสามารถชาร์จได้สูงสุดถึง 100% เช่นเดียวกัน


OPPO Reno7 Series 5G สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตได้ดีที่สุด ตอกย้ำความเป็น The Portrait Expert ตัวจริง วางจำหน่าย รุ่น ได้แก่ OPPO Reno7 5G ราคา 16,990 บาท มีให้เลือก สี ได้แก่ สีฟ้า Startrails Blue และสีดำ Starry Black ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G ราคา 22,990 บาท มี ให้เลือก สี ได้แก่ สีฟ้า Startrails Blue และสีดำ Starlight Black ผู้ที่สนใจสามารถจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 18 กุมภาพันธ์ พร้อมรับโปรโมชั่นและเซ็ตของพรีเมี่ยม สำหรับผู้ที่จอง OPPO Reno7 5รับฟรี OPPO Enco Buds และ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก มูลค่ารวม 6,999 บาท และสำหรับผู้ที่จอง OPPO RenoPro 5รับฟรี OPPO Enco Air2 รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก มูลค่ารวม 10,499 บาท และพิเศษเมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ราคาเริ่มต้นเพียง 6,990 บาท สามารถไปทดลองสัมผัสหรือเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

 

และเร็วๆ นี้ ออปโป้เตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่น เสริมทัพ OPPO Reno7 Series 5G ให้ทุกช็อตพอร์ทเทรตสวยกว่าที่เคย

เปิดอินไซด์พฤติกรรมผู้บริโภคช่วงซัมเมอร์ TikTok เผยกลยุทธ์พร้อมโซลูชันสำหรับแบรนด์และธุรกิจ


 TikTok รวบรวมข้อมูลอินไซด์พฤติกรรมผู้บริโภคช่วงเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์ ร่วมจุดประกายให้กับแบรนด์และธุรกิจเล็งเห็นโอกาสและทิศทางการวางแผนการตลาดและแคมเปญในปีนี้ก่อนใคร

ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การปั้นแบรนด์ให้พุ่งทะยานในช่วงเทศกาลหรือฤดูกาลต่างๆ ผู้ประกอบการหรือนักการตลาด ย่อมต้องการข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้าน เพื่อวางแผนการทำตลาดและโปรโมทแคมเปญอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งหวังผลลัพธ์ที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจ และปฏิเสธไม่ได้ว่า พฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นข้อมูลที่มีความสำคัญสำหรับแบรนด์อย่างยิ่ง

สิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing, Global Business Solutions, TikTok กล่าวว่า "สำหรับประเทศไทย พฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงไปปอย่างสิ้นเชิง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา การล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้การเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือท่องเที่ยวช่วงซัมเมอร์ต้องชะงักลง แพลตฟอร์มดิจิทัลได้กลายเป็นพื้นที่ในการสร้างความสัมพันธ์และจับจ่ายใช้สอย การล็อกดาวน์ได้เร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่อีคอมเมิร์ซ นำไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์และแม้กระทั่งบริการชำระเงินออนไลน์อย่างมีนัยสำคัญ จากสถิติพบว่า คนไทยใช้เวลาเฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวัน บนสมาร์ทโฟน มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 3.30 ชั่วโมง ซึ่งใน TikTok เราพบว่า 79% ของผู้ใช้ชาวไทยชอบช็อปออนไลน์เพราะสามารถเข้าถึงแบรนด์และสินค้าที่หลากหลาย เมื่อเทียบกับในร้านค้าใกล้ ๆ ในขณะที่ 69% ของผู้ใช้ชาวไทยชอบช้อปปิ้งออนไลน์เพราะมีความยืดหยุ่นในการจับจ่ายทุกเวลาที่ต้องการ"

 

TikTok เปิดอินไซด์ช่วงเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์ ย้ำคนไทยคาดหวังใช้จ่ายออนไลน์

เทศกาลสงกรานต์เป็นเทศกาลสำคัญ และเป็นวันหยุดยาวที่สุดในรอบปีของไทย ซึ่งตรงกับช่วงซัมเมอร์ที่เด็กๆ ปิดเทอมพอดี ความเข้าใจส่วนใหญ่ของแบรนด์และธุรกิจจึงเชื่อว่า เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรลงทุนทำแคมเปญการตลาดใดๆ ในแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่ที่ TikTok ผู้ใช้ 58% ใช้เวลาบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้นในช่วงสงกรานต์ เพื่อติดตามข่าวสารข้อมูลและเชื่อมโยงกับครอบครัวและเพื่อนๆ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใช้ TikTok 54% ใช้เวลาวันหยุดเพื่ออยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจากข้อมูลเชิงลึกของ TikTok พบว่ามีการดูวิดีโอเพิ่มสูงขึ้นและการมีส่วนร่วมสูงมากกว่า 10 ครั้งใน 1 นาที โดยในสัปดาห์สงกรานต์ ระหว่าง 10-18 เมษายน พ.ศ. 2564 พบยอดวิววิดีโอเกือบ 47 พันล้านครั้ง แ ละจำนวนนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 2% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายวันที่ไม่ใช่ช่วงสงกรานต์ในเดือนเดียวกัน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังชอบสร้างและเผยแพร่เนื้อหาบน TikTok ในช่วงนี้ด้วยเช่นเดียวกัน มีวิดีโอที่ถูกเผยแพร่มากถึง 23.3 ล้านวิดีโอ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายวันในเดือนเมษายน 2564 ถึง +6.6% จากสถิติตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าคนไม่ได้เข้า TikTok น้อยลงในช่วงเทศกาลแต่ยังเข้ามามากขึ้นและมีส่วนร่วมมากขึ้น นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบข้อมูลอินไซด์ว่า มากกว่า 50% ของผู้ใช้ TikTok บอกว่าพวกเขานิยมซื้อของออนไลน์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีการซื้อต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อน ระหว่างและหลังเทศกาล ซึ่งช่วงที่มีการใช้จ่ายมากเป็นพิเศษคือ 1 สัปดาห์ก่อนเทศกาลสงกรานต์



ปีนี้ผู้ใช้ TikTok เปิดรับการฉลองที่บ้านมากขึ้นและช้อปปิ้งมากขึ้น จากการสำรวจเมื่อเดือนกันยายน 2564 พบว่าผู้ใช้ TikTok 57% คาดว่าจะอยู่บ้านมากขึ้นในช่วงสงกรานต์ปี 2565 และ 35% เชื่อว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงที่บ้าน ได้ใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังคาดหวังว่าจะได้ช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นในช่วงสงกรานต์ปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ความงาม และแฟชั่น ของใช้ในบ้านและตกแต่งบ้าน ทั้งนี้ ผู้ใช้ TikTok เกือบ 7 ใน 10 คน ยังหวังว่าจะฉลองสงกรานต์แบบก่อนมีสถานการณ์โควิดได้ในปีนี้

 





ส่องเนื้อหาโดนใจที่จะสร้างความสุขและการมีส่วนร่วมให้แก่ผู้คนในช่วงสงกรานต์และซัมเมอร์

ในปี 2021 TikTok พบเนื้อหาที่ได้รับความนิยมในช่วงสงกรานต์และซัมเมอร์จากผู้ใช้หลายล้านคนอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น #เมนูคลายร้อน #เมษาathome #เที่ยวทิพย์ #สาดน้ำสงกรานต์ #หน้าฉันวันสงกรานต์ ที่มียอดคนดูรวมถึงมีส่วนร่วมสูงมาก เมื่อนำแฮชแท็กที่ได้รับความนิยมมาจัดกลุ่มแล้ว จะสามารถแบ่งมาได้เป็น 4 แกนหลัก ได้แก่

  • เนื้อหาที่สร้างความบันเทิง ความสุข ความสนุกสนาน
  • เนื้อหาที่เกี่ยวกับการเตรียมตัวช่วงสงกรานต์
  • สงกรานต์โมเมนต์ของแต่ละคน
  • เนื้อหาที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว

โดยสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างเนื้อหาที่สามารถดึงดูดความสนใจผู้ใช้ TikTok แนะนำเคล็ดลับว่าควรสร้างวิดีโอเป็นแนวตั้ง ใช้เสียงเพลงที่มีความสนุกสนาน มีความเกี่ยวข้องรวมถึงมี Mood & Tone ที่เข้ากับเทศกาล ซึ่งการทำครีเอทีฟคอนเทนต์ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น มีหลักการง่ายๆ คือ ทำให้ Key Message สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่ 3 วินาทีแรก ใช้เทรนด์หรือมีมบน TikTok มาช่วยเสริม ต่อยอดด้วยการเล่าเรื่องให้น่าสนใจ ด้วยการใช้ประโยชน์จาก  Creative Tools ที่มีอยู่บน TikTok ทั้งการตัดต่อ สติกเกอร์ รวมทั้งสามารถให้ครีเอเตอร์มาช่วยเสริมและสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ใช้มากขึ้นได้ โดยแบรนด์สามารถใช้ 4 แกนหลักมาเป็นจุดเริ่มต้นในการการสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวกับสงกรานต์และซัมเมอร์ สร้างเนื้อหาให้น่าสนใจและการมีส่วนร่วมด้วยการทดลองเล่นฟีเจอร์ ฟิลเตอร์ เทรนด์และเอฟเฟกต์ของ TikTok ยิ่งแบรนด์หรือธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์สำหรับช่วงเทศกาล ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะขยายการรับรู้ออกไปในวงกว้างด้วย TikTok

TikTok เปิด 3 กลยุทธ์หลักพร้อมโซลูชันสำหรับวางแผนการตลาด

กลยุทธ์หลักและโซลูชันที่จะช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในช่วงเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์บน TikTok ได้แก่

  • Accelerate your brand discovery: เร่งการค้นพบแบรนด์ให้มากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์โดยเร็วที่สุด ด้วยแผนการโฆษณาที่หลายหลายจาก TikTok ทั้งการจองแคมเปญโฆษณา
    In-Feed อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สามารถกำหนดเป้าหมายผู้ชมสำหรับแคมเปญยาวนานถึง 30 วัน หรือสร้างเรื่องราวของแบรนด์ด้วยครีเอทีฟโฆษณาภายในช่วงเวลาที่กำหนด รวมถึงการสร้างโฆษณาแบบอินเทอร์แอกทีฟเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมและการตอบรับได้
  • Amplify through TikTok Community: การสร้างช่วงเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์ที่สนุกสนาน ดึงดูดความสนใจไปยังชุมชนของ TikTok ด้วยครีเอทีฟไอเดียจากเหล่าครีเอเตอร์ และทำให้ครีเอเตอร์ทำงานร่วมกับแบรนด์หรือแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย Spark Ads 
  • Own your Songkran & Summer moments: การเป็นเจ้าของช่วงเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์
    ย่อมส่งผลถึงภาพจำของแบรนด์และธุรกิจได้อย่างไร้ข้อกังขา ซึ่งจะสามารถสร้างการเชื่อมโยงกับผู้ใช้และการมีส่วนร่วมกับชุมชนด้วยประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ TikTok






สตาร์ทก่อนได้เปรียบกว่า เริ่มแคมเปญของธุรกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์ก่อนใครกับ TikTok

ตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์และธุรกิจ คือเกือบ 80% ของผู้ใช้ ชอบที่จะชมเนื้อหาโฆษณาบน TikTok ด้วยเหตุผลว่า รูปแบบของโฆษณาดูกลมกลืนไปกับเนื้อหาอื่นๆ ทำให้รู้สึกสนุกและเพลิดเพลินไปกับการรับชมโฆษณาโดยไม่รู้สึกถูกยัดเยียด ซึ่งสิ่งที่การันตีถึงโอกาสในการทำแคมเปญหรือโฆษณาช่วงเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์ คือความสำเร็จจากหลายแบรนด์แคมเปญในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ “Songkran Stranger #รักไม่ซ้ำหน้า” ภาพยนตร์สั้นรูปแบบ Interactive Movie เรื่องแรกของ TikTok โดยความร่วมมือจาก วันเดอร์แมน ธอมป์สัน ประเทศไทย ที่ทุบสถิติสร้างยอดวิวเกือบร้อยล้านวิวในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์  ทำให้ TikTok โดดเด่นในแง่ของความสามารถครองใจคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้ ในปีนี้แม้เทศกาลสงกรานต์จะมาถึงในอีก 2 เดือนข้างหน้า แต่สำหรับธุรกิจแล้ว การสตาร์ทก่อนย่อมได้เปรียบกว่า ข้อมูลอินไซด์ต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นการจุดประกายให้แบรนด์เห็นโอกาสในการวางแผนทำโฆษณาการตลาดบน TikTok เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และสร้างประสิทธิผลสูงสุดในช่วงสงกรานต์และซัมเมอร์ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่สุดของคนไทยที่ใกล้จะมาถึงในเร็วๆ นี้

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TikTok For Business สามารถติดตามได้ที่ https://www.tiktok.com/business/th



เมื่อเจ้าตลาด AIoT & Ecosystem เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ มีอะไรบ้าง มาดูกัน!!!!

เจ้าตลาดที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน Xiaomi นั่นเองแหละคุณผู้ชม ได้ฤกษ์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ใหม่ล่าสุดมากมาย ที่สามารถช่วยยกระดับการใช้ชีวิตประจำวันให้สะดวกสบายไปกับเทคโนโลยีคุณภาพสูงที่เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น นำทัพโดย Xiaomi TV Q1E ขนาด 55 นิ้ว, เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi  Smart Air Purifier 4 Series, หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ Mi Robot Vacuum-Mop 2 Series และ Redmi Buds 3 Lite มอบความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ Xiaomi Ecosystem


Xiaomi TV Q1E 55” - เพลิดเพลินไปกับความคมชัดในแบบฉบับ Quantum 

            Xiaomi TV Q1E 55” มีดีไซน์ที่สวยงาม หรูหรา โดดเด่นไปด้วยหน้าจอไร้ขอบ Limitless ขนาด 55 นิ้วที่รองรับเทคโนโลยี Quantum Dot ความคมชัดระดับ 4K ซึ่งสามารถแสดงผลสีได้อย่างได้อย่างแม่นยำถึงหนึ่งพันล้านเฉด ด้วยเทคโลโนยีที่ล้ำสมัยและความกว้างของสี DCI-P3 ที่สูงถึง 97% อีกทั้งยังรอบรับระบบ Dolby Vision และ HDR10+ ซึ่งทำให้การแสดงภาพเสมือนจริงในระดับ Quantum นอกจากนี้สมาร์ททีวี Xiaomi TV Q1E 55” ยังมาพร้อมกับระบบเสียงคุณภาพสูง รวมทั้งลำโพง 30W ที่มาพร้อมลำโพง Tweeter คู่และ Woofer ถึง 4 ตัว และยังรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Audio™ และ DTS-HD อีกด้วย 





            นอกจากนี้ Xiaomi TV Q1E 55” ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android TV™ 10 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด และยังรองรับการเชื่อมต่อ Chromecast ที่สามารถให้ผู้ใช้รับชมคอนเทนต์จากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ได้ รวมทั้งยังสามารถสั่งการได้อย่างง่ายดายผ่านระบบการสั่งการด้วยเสียง Google Assistant 


ยกระดับสุขภาพในแบบ “Breath Clean, Breath Healthy” กับ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier 4 Series

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier 4 Seriesประกอบไปด้วย Xiaomi Smart Air Purifier 4 Pro, Xiaomi Smart Air Purifier 4 และ Xiaomi Smart Air Purifier 4 Lite ให้ผู้ใช้เลือกสรรฟีเจอร์และขนาดที่เหมาะสมกับบ้านและสถานที่ต่างๆ 

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier 4 Pro มาในตัวเครื่องใหม่ทั้งหมดพร้อมกับระบบการกรองแบบ 3-in-1และยังมีคุณสมบัติอีกมากมายที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพของการกรองอากาศระดับแนวหน้า นอกจากนี้ตัวกรองหลักยังมาในรูปแบบของตัวกรองประสิทธิภาพสูง ที่สามารถกรองอนุาภาคขนาดเล็กขนาด 0.3 ไมครอน1ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึง 99.97% อีกทั้งทำงานร่วมกับ air ionizer เพื่อขจัดมลภาวะในอากาศได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เครื่องกรองอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier 4 Pro ยังถูกออกแบบมาให้ตัวเครื่องไวต่อการตรวจจับอนุภาคในอากาศทุกขนาดมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยเซนเซอร์ตรวจจับ​ PM2.5 และ PM10 



            เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier 4 มาพร้อมกับระบบการกรองประสิทธิภาพสูง ซึ่งทำงานด้วยฟิลเตอร์ PCADR 400m3 /h & FCADR 150 m3/h มาพร้อมกับคุณสมบัติในการกรองสูงถึง 99.97% และยังสามารถกรองสิ่งแปลกปลอมอนุภาคละเอียดที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนรวมทั้งติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ที่ทำงานด้วยความแม่นยำ สามารถตรวจจับ PM2.5 และวัดความชื้นรวมถึงอุณหภูมิในห้องได้อีกด้วย นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล OLED ที่สามารถแสดงดัชนีคุณภาพอากาศรวมทั้งค่าฝุ่น PM2.5 ได้อย่างชัดเจนบนหน้าจอ รวมถึงสามารถแสดงอุณหภูมิ ระดับความชื้นในอากาศ และสถานะการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังประกอบไปด้วย 6 ตัวเลือกเสริมให้เลือก ได้แก่ Auto, Favourite, Sleep, Low, Medium, และ High อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการผลิตไอออนลบซึ่งช่วยทำให้อากาศสดชื่นราวกับอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการสั่งงานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านแอพพลิเคชั่ Mi Home และระบบการสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa ในส่วนของดีไซน์ Xiaomi Smart Purifier มีดีไซน์ที่สวยงาม โมเดิร์น และมินิมอล ซึ่งเหมาะสำหรับใช้งานและตกแต่งได้ในทุกๆ มุมห้อง


Mi Robot Vacuum-Mop 2 Pro Series – หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจริยะ ยกระดับชีวิตให้สะดวกสบายยิ่งขึ้

            Mi Robot Vacuum-Mop 2 Pro ทำงานด้วยระบบนำทาง LDS ใหม่ล่าสุด ทำให้สามารถเคลื่อนไหวตามทิศทางที่ต้องการทำความสะอาดได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังมาพร้อมกับแรงดูดซับที่สูงถึง 3,000Pa และระบบการถูทำความสะอาดด้วยแรงสั่นสะเทือนคลื่นความถี่สูงซึ่งสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ปราศจากสิ่งสกปรกหลงเหลือ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หรือคราบต่างๆ ก็ตาม นอกจากนี้หุ่นยนต์ทำความสะอาดตัวนี้ยังมาพร้อมกับถุงเก็บฝุ่นขนาดความจุ 450 มิลลิลิตร และถังเก็บน้ำควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาดได้ Mi Robot Vacuum-Mop 2 Pro ยังทำงานภายใต้ระบบเซนเซอร์ตรวจจับสิ่งสกปรกมากถึง 16 ประเภท ซึ่งสามารถทำให้ห้องของผู้ใช้สะอาดปราศจากสิ่งสกปรกในทุกๆ มุมห้อง นอกจากนี้ยังสามารถรองรับระบบการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa รวมถึงการสั่งการผ่านแอพพลิเคชั่ Mi Home อีกด้วย 



            Mi Robot Vacuum-Mop 2 ทำงานด้วยระบบนำทาง vSLAM ซึ่งสามารถตั้งค่าแผนที่และทิศทางของห้องผ่านกล้องที่ติดตั้งเพื่อสร้างเส้นทางการทำความสะอาดที่แม่นยำ สามารถใช้ทำความสะอาดได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูดฝุ่น การกวาด หรือการถูก็ตาม โดยสามารถทำความสะอาดโดยการดูดฝุ่นด้วยแรงดูดสูงถึง 2,700Pa ตัวอุปกรณ์มาพร้อมกับถังเก็บน้ำอิเล็กทรอนิกส์และระบบการปั๊มน้ำประสิทธิภาพสูง สามารถทำความสะอาดพื้นห้องได้อย่างอ่อนโยน ปราศจากร่องรอยขีดข่วน


           นอกจากนี้ Mi Robot Vacuum-Mop 2 ยังสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายผ่านแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือ รวมถึงรองรับระบบการสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานให้กับผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ Mi Robot Vacuum-Mop 2 Pro Series ยังมี Mi Robot Vacuum-Mop 2 Ultra และ Mi Robot Vacuum Mop 2 Lite อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดวางจำหน่าย ณ Xiaomi Store ทุกสาขาร้านค้าที่ร่วมรายการและช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการ