ป้ายกำกับ

โปรเจค THEBLACKLABEL’s First Thailand Audition สุดปัง วัยรุ่นแห่ออดิชั่นกันเพียบ!!

 



“THEBLACKLABEL” ค่ายเพลงและครีเอทีฟเอเจนซีระดับโลกจากเกาหลีใต้ นำโดย TEDDY PARK ร่วมมือกับ “เครือซีพี” เปิดบริษัทในนาม THEBLACKSEA ปลื้ม กระแสตอบรับสุดปังเด็กไทยร่วมออดิชันเพียบ พร้อมลุยธุรกิจบันเทิง สร้างไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พัฒนาคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เปิดโอกาสก้าวขึ้นเป็นศิลปินระดับโลก


หลังเปิดตัวโครงการ THEBLACKLABEL's First Thailand Audition Presented By CP” เวทีค้นหาเด็กไทยเปี่ยมไฟฝัน เปิดพื้นที่สร้างโอกาสก้าวสู่เส้นทางศิลปิน K-POP ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง เครือเจริญโภคภัณฑ์” และ THEBLACKLABEL” ค่ายเพลงและครีเอทีฟเอเจนซีระดับโลกจากเกาหลีใต้ ภายใต้บริษัทร่วมทุน THEBLACKSEA” นั้น ล่าสุดได้รับกระแสตอบรับจากคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถหลากหลาย ส่งคลิปวิดีโอเข้าร่วมการ Audition อย่างล้นหลาม พร้อมรอการเจียระไนโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อก้าวสู่เส้นทางศิลปินระดับโลก



นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา Chief Content Strategy, Investment and Partnership Officer เครือซีพี เปิดเผยว่า THEBLACKLABEL's First Thailand Audition Presented By CP” เป็นโครงการแรกของ THEBLACKSEA โดยได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากเหล่าวัยรุ่นชาวไทยที่ความฝันจะเป็นศิลปินในระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ THEBLACHSEA ที่มุ่งหวังจะเป็นผู้นำในการสร้าง soft power ของไทยและอาเซียน ย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างต่อเนื่องของเครือซีพีในการผลักดันและสนับสนุน Soft Power ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงวัฒนธรรมไทยสู่สากล  ซึ่งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากทั้ง 2 ฝ่าย จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน Soft Power ของคนไทยให้ก้าวสู่ระดับโลกต่อไปได้

THEBLACKSEA มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ให้มีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินในเวทีระดับโลก โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป แสดงความสามารถทั้งด้านการ ร้อง เต้น หรือ แร็ป เพื่อเข้าร่วมออดิชั่นค้นหาผู้มีความสามารถ เพื่อเป็นเทรนนีและมีโอกาสได้เดบิวต์เป็นศิลปินของ THEBLACKLABEL ซึ่งมี Teddy Park ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปิน K-POP ชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น BIGBANG, 2NE1, JEON SOMI และ เกิร์ลกรุ๊ปที่มาแรงที่สุดในโลกตอนนี้อย่าง BLACKPINK เป็น Founder & Executive Director

 

นอกจากนี้ THEBLACKLABEL ยังส่งครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และโปรดิวเซอร์จากเกาหลีมาประจำที่ไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางพัฒนาผู้มีความสามารถจากทั่วอาเซียน โดยมี DANNY CHUNG นักแต่งเพลงที่มีผลงานระดับโลกจากค่าย THEBLACKLABEL นั่งตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาศิลปินโดย THEBLACKSEA จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนการทำธุรกิจของ THEBLACKLABEL ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

 

กิจกรรมออดิชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟในประเทศไทยโดยค่าย THEBLACKLABEL ครั้งนี้ ประกอบด้วยกัน 2 รอบ โดยรอบแรกคือรอบคัดเลือกออนไลน์ ซึ่งรับสมัครถึงวันที่  7 มิถุนายน 2566 และรอบสุดท้ายคือรอบคัดเลือกแบบตัวต่อตัว กับโปรดิวเซอร์มากประสบการณ์ และทีมงานมืออาชีพของค่าย THEBLACKLABEL ที่จะบินมาจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นเทรนนี จะมีโอกาสเดบิวต์เป็นศิลปิน K-POP กับค่ายต่อไป




 

นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อกระแสตอบรับที่ดี เครือซีพีได้เปิด THEBLACKBOX Pop-Up Studio Presented By CP สตูดิโอขนาดย่อมใจกลางสยาม เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้คนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการได้ใช้พื้นที่สร้างสรรค์คลิปโชว์ความสามารถ ส่งเข้าร่วมการออดิชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่บริเวณ Atrium 2 ชั้น G, Siam Center อีกด้วย วัยรุ่นอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป ที่มีความสามารถด้านการ ร้อง เต้น หรือแร็ป สามารถส่งประวัติส่วนตัวพร้อมวีดีโอแสดงความสามารถมาได้ที่ audition@theblackseaofficial.com  อย่าปล่อยให้ความฝันหลุดมือไป 


ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook: OfficialTHEBLACKSEA,

Instagram: OfficialTHEBLACKSEA, Twitter: @theblacksea_tbs, TikTok: @OfficialTHEBLACKSEA

และ Youtube: @OfficialTHEBLACKSEA

-###-

ซัมซุงเชิญร่วมชมไลฟ์งานเปิดตัว Samsung Neo QLED 8K TV


 

ซัมซุงเชิญร่วมชมไลฟ์งานเปิดตัว Samsung Neo QLED 8K TV

พบกับความชัดขั้นสุด #WOWจัดแบบตัวจบ

25 พฤษภาคมนี้ เวลา 18.00 – 19.00 น.ทาง Facebook และ YouTube Samsung Thailand



ซัมซุง ตอกย้ำความเป็นผู้นำแบรนด์ยอดขายทีวีอันดับหนึ่งทั่วโลก 17 ปี จัด Live Streaming เปิดตัว Neo QLED 8K TV 2023 – #WOWจัดแบบตัวจบ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มอบประสบการณ์ความชัดขั้นสุดกว่าที่เคยกับสุดยอดนวัตกรรมทีวีพรีเมียมแห่งปี 2023 นำทีมโดยผู้บริหารซัมซุง เจนนิเฟอร์ ซอง ประธานบริษัทและสุวิณ โกษีอำนวย หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและผู้อำนวยการธุรกิจภาพและเสียง ร่วมนำเสนอทีวีพรีเมียมมาตรฐานใหม่ที่เป็นมากกว่าทีวี เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ชัดขั้นสุดทั้งภาพและเสียง มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยประจำบ้าน ในแบบ WOWกว่าที่เคย อีกทั้งยังขนเซเลบริตี้และกูรูมากมายมาร่วมไลฟ์ในครั้งนี้ อาทิ ไบร์ท-นรภัทร วิไลพันธุ์พีเค-ปิยะวัฒน์ เข็มเพชรอู๋- อติชาญ เชิงชวโน หรือ อู๋ Spin 9 และ ไอซ์-บุษกร สุวรรณนิล หรือ iCeQueeniiz เกมเมอร์สุดคิวท์

 

ซัมซุง เชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสประสบการณ์ความคมชัด พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมรับรางวัลพิเศษจากไบรท์ และร่วมลุ้นรับรางวัลทีวี Samsung Neo QLED รุ่นใหม่ล่าสุดมูลค่ากว่า 41,990 บาท ได้ในไลฟ์เท่านั้น

 

รับชม ในรูปแบบ Live Streaming ผ่านทาง Facebook และ YouTube Samsung Thailand พร้อมกัน

ทั่วประเทศ วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 18.00 – 19.00 น. เท่านั้น

#WOWจัดแบบตัวจบ #NeoQLED8K #LiveANewDay #Samsung

 

หัวเว่ยประกาศผนึกกำลัง 6 พาร์ทเนอร์ใหม่ ภายในงาน Asia Pacific Partners Conference 2023

 

นาย เดวิด หวัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงาน Huawei Asia Pacific Partners Conference 2023

เซินเจิ้น ประเทศจีน 23 พฤษภาคม พ.. 2566 - หัวเว่ยเปิดฉากงานประชุมพาร์ทเนอร์สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ‘Asia Pacific Partners Conference 2023’ ณ เมืองเซินเจิ้น โดยได้เชิญพันธมิตรกว่า 1,200 รายจากกว่า 10 ประเทศในภูมิภาค เพื่อร่วมระดมความคิดและแสวงหาโอกาสใหม่ในการสร้างความเติบโตเพื่อความสำเร็จร่วมกันในอนาคต โดยหัวเว่ยยังได้เป็นเจ้าภาพในพิธีเปิดตัวพันธมิตรพาร์ทเนอร์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในระหว่างการประชุมอีกด้วย

 

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมาอย่างยาวนาน และยังเป็นภูมิภาคที่เป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและการริเริ่มนวัตกรรม ที่แสดงถึงศักยภาพของเอเชียแปซิฟิกในฐานะภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก โดยหัวเว่ยมีพาร์ทเนอร์องค์กรมากกว่า 7,900 ราย และพาร์ทเนอร์ด้านคลาวด์มากกว่า 2,000 รายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยังมุ่งบ่มเพาะอีโคซิสเต็มพาร์ทเนอร์ในภูมิภาคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยหัวเว่ยมุ่งมั่นเพิ่มการลงทุนและสร้างแรงจูงใจทางธุรกิจให้กับพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าพร้อมส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค รวมทั้งปลดปล่อยศักยภาพดิจิทัลไปพร้อมกัน

 

ภายในงานประชุมครั้งนี้ หัวเว่ยได้ประกาศเปิดตัวพาร์ทเนอร์ใหม่จำนวน รายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยครอบคลุมพาร์ทเนอร์จากกลุ่มต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ สถาบันการเงิน ภาคพลังงานไฟฟ้า และอุตสาหกรรมคมนาคมทางบก ทางน้ำและท่าเรือ ตลอดจนผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อิสระ (Independent Software Vendor - ISV) และโซลูชันศูนย์ข้อมูล ซึ่งมีพาร์ทเนอร์มากกว่า 70 รายจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกร่วมเป็นสักขีพยาน และให้คำมั่นเพื่อสานต่อความร่วมมือและนวัตกรรมในหลากหลายมิติ โดยมีเป้าหมายเพื่อผนึกกำลังในการพัฒนาขีดความสามารถและคว้าโอกาสธุรกิจใหม่จากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมในตลาดเอเชียแปซิฟิก

 

นาย เดวิด หวัง กรรมการบริหาร ประธานคณะกรรมการบริหารโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีและประธานกลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและโลกอัจฉริยะกำลังสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก โดยมีโอกาสสร้างมูลค่าทางการตลาดกว่าหนึ่งล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นต่อยอดความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อคว้าโอกาสอันมหาศาลนี้ เราสร้างกลยุทธ์พัฒนาพาร์ทเนอร์แบบเฉพาะตัวสำหรับ 3 กลุ่มธุรกิจหลักในตลาดเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ กลุ่มลูกค้าองค์กร (Named Account), กลุ่มธุรกิจการค้า และกลุ่มจัดจำหน่าย ซึ่งสอดรับกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ตรงจุดมากขึ้น หัวเว่ยและพาร์ทเนอร์มุ่งสนับสนุนกลยุทธ์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าองค์กร (Named Account) เพื่อเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของกลุ่ม SME และมุ่งแสวงหาตลาดใหม่ที่ยังมีการแข่งขันต่ำในธุรกิจจัดจำหน่าย ซึ่งเราจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ตลอดเส้นทางเพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน เราเชื่อมั่นว่าหัวเว่ยจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อพาร์ทเนอร์ประสบความสำเร็จ ดังนั้น เราจึงต้องผนึกกำลังเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจและบรรลุเป้าหมายการเติบโตร่วมกันให้ได้


###################


นาย นิโคลัส หม่า ประธานกลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของหัวเว่ย


นาย นิโคลัส หม่า ประธานกลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของหัวเว่ย ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานพร้อมนำเสนอแนวโน้มธุรกิจของหัวเว่ยอีกห้าปีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากการคาดการณ์ของหัวเว่ย ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทถึง 95% จะมาจากพาร์ทเนอร์ และคาดว่าเหล่าพาร์ทเนอร์จะสร้างรายได้ถึง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการของหัวเว่ย นอกจากนี้ นาย นิโคลัส ยังเปิดเผยว่า หัวเว่ยมุ่งมั่นช่วยเหลือพาร์ทเนอร์ในการสร้างคุณค่าในการให้บริการลูกค้าเพื่อบรรลุผลตอบแทนทางธุรกิจที่สูงขึ้น


ในปีพ.ศ. 2566 หัวเว่ยมุ่งพัฒนาศักยภาพพาร์ทเนอร์เป็นอันดับแรกในประเทศไทย และตอกย้ำความแข็งแกร่งของนโยบายพาร์ทเนอร์ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ “ความสามารถด้านการทำกำไร ความแข็งแกร่ง ความโปร่งใส และความยั่งยืน” เพื่อสนับสนุนพาร์ทเนอร์ให้ก้าวข้ามความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และร่วมกันบุกเบิกเส้นทางเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตของทั้งสองฝ่าย

 

หัวเว่ยมุ่งมั่นลงทุนด้านทรัพยากรเพื่อขจัดข้อกังวลจากพาร์ทเนอร์ 3 ประการ ได้แก่ ความโปร่งใสของนโยบาย กระบวนการลงทะเบียนโครงการอย่างเป็นระบบ และการฝึกอบรมโดยอิงตามความสามารถตลอดจนกระบวนการถ่ายทอดความรู้ในกลุ่มพาร์ทเนอร์

 

ประการแรก - ความโปร่งใสซึ่งเป็นรากฐานในการสร้างความไว้วางใจและความสำเร็จร่วมกันระหว่างหัวเว่ยและพาร์ทเนอร์ โดยหัวเว่ยได้เปิดตัวเว็บไซต์นโยบายพาร์ทเนอร์และเผยแพร่นโยบายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องบนแพลตฟอร์มนี้เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบได้

 

ประการที่สอง - การจัดการกระบวนการลงทะเบียนโครงการอย่างเป็นระบบเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาระยะยาวและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงาน ด้วยเหตุนี้ หัวเว่ยจึงได้เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการลงทะเบียนโครงการใหม่เพื่อปกป้องผลประโยชน์พาร์ทเนอร์อย่างเป็นระบบมากกว่าที่เคย

 

ประการที่สาม - การถ่ายทอดความรู้ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและยกระดับขีดความสามารถของหัวเว่ยและพาร์ทเนอร์ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับโลกของหัวเว่ยและการเสริมทัพความรู้ด้านอุตสาหกรรมให้แก่พาร์ทเนอร์ หัวเว่ยจึงมั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนอีโคซิสเต็มแห่งความรู้เพื่อประยุกต์ใช้ในนวัตกรรมทางธุรกิจและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งทางหัวเว่ยจะเพิ่มงบประมาณในการฝึกอบรมพาร์ทเนอร์เป็นเท่าตัว และมอบแรงจูงใจที่มากขึ้นแก่พาร์ทเนอร์ที่ได้การรับรองด้านวิศวกรรม ในขณะเดียวกัน หัวเว่ยขอให้พาร์ทเนอร์เชื่อมั่นในกลยุทธ์นี้และร่วมกันต่อยอดการลงทุนด้านการส่งเสริมทักษะและเพิ่มศักยภาพบนแพลตฟอร์มหัวเว่ย

 

เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในพันธกิจ “เติบโตพร้อมกับประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย (Grow in Thailand, Contribute to Thailand)” หัวเว่ยจะมุ่งทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์กับทุกฝ่ายและเพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน ร่วมผนึกกำลังเพื่อก้าวสู่อนาคตแห่งความสำเร็จไปด้วยกัน


อาดิดาส ชวนขยับเพื่อรักษ์โลกไปกับแคมเปญ “MOVE FOR THE PLANET” สร้างพื้นที่ให้กับทุกกิจกรรม นำไปสู่การพัฒนาโลกที่ยั่งยืน

 

อาดิดาส เปิดตัว “MOVE FOR THE PLANET” โกลบอลแคมเปญเพื่อชุมชนผู้รักการออกกำลังกายให้ได้ขยับเรียกเหงื่อ พร้อมกับร่วมเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปพร้อมกัน โดยทุก 10 นาทีของการออกกำลังกายใน 34 ประเภทที่ร่วมรายการและถูกบันทึกลงในแอปพลิเคชัน adidas Running ระหว่างวันที่ 1 – 12 มิถุนายน 2566 จะถูกเปลี่ยนเป็นยอดบริจาค ยูโรให้กับกองทุน “คอมมอน โกล” (Common Goal) สูงสุดกว่า 1.5 ล้านยูโร (หรือประมาณ 56 ล้านบาท) เพื่อร่วมสนับสนุนโครงการที่ให้ความรู้และสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนกีฬาทั่วโลกอย่างยั่งยืน โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมในแอปพลิเคชัน adidas Running ได้แล้วตั้งแต่วันนี้

 

แอชลีย์ ซาร์นาวสกี้ (Ashley Czarnowski) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดของอาดิดาส กล่าวว่า “MOVE FOR THE PLANET ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกคนจะได้ร่วมนำความรักและความหลงใหลในเกมกีฬา มาเปลี่ยนเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงโลก ผ่านการสนับสนุนเครือข่ายชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Crisis) มากกว่าที่อื่น

 

ทั้งนี้ “คอมมอน โกล” (Common Goal) จะนำยอดบริจาคจากแคมเปญ MOVE FOR THE PLANET ไปสนับสนุนโครงการที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาให้กับหลากหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติภูมิอากาศ อาทิ ประเทศโคลัมเบีย กรีซ แอฟริกาใต้ และปากีสถาน ด้วยการเปลี่ยนแปลงสนามกีฬาโดยใช้วัสดุรีไซเคิล หรือการจัดฝึกอบรมวิธีลดการสร้างขยะพลาสติกในสถานที่ออกกำลังกาย




MOVE FOR THE PLANET ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของอาดิดาสเพื่อสานต่อพันธกิจในการสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้นให้กับชุมชนนักกีฬาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของอาดิดาสที่ต้องการเปลี่ยนการใช้วัสดุโพลีเอสเตอร์ผลิตใหม่เป็นวัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลในการผลิตสินค้าของอาดิดาสอย่างสิ้นเชิงภายในปี 2567 โดยในปีที่ผ่านมาอาดิดาสได้เปลี่ยนมาใช้วัสดุรีไซเคิลแทนวัสดุโพลีเอสเตอร์เดิมแล้วกว่า 96%

 

นอกจากนี้ อาดิดาส ประเทศไทย ยังร่วมเฉลิมฉลองแคมเปญระดับโลกนี้โดยการจัดกิจกรรมออกกำลังกายร่วมกับทีมอาดิดาส รันเนอร์ส แบงค็อก ในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ adidas Runners Bangkok Facebook group





ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญระดับโลก MOVE FOR THE PLANET โดยลงทะเบียนได้ทาง https://adirun.app/MyRj พร้อมชอปของใหม่สไตล์รักษ์โลก อาทิ รองเท้าวิ่ง Ultraboost Light ราคา 7,000 บาท, Ultraboost Light x Parley ราคา 7,500 บาท, Supernova x Parley ราคา 4,500 บาท, adizero x Parley ราคา 4,500 บาท และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากอาดิดาสอีกมากมายได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์อาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์อาดิดาส แอปพลิเคชันอาดิดาส ออนไลน์ สโตร์ www.adidas.co.th, LINE Shopping: @adidasthailand, อาริ รันนิ่งซูเปอร์สปอร์ต และร้านค้าอุปกรณ์กีฬาชั้นนำที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

 

ติดตามข้อมูลและข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://www.adidas.com/movefortheplanet หรือที่ช่องทางอินสตาแกรม @adidasthailand เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/adidasTH และ แฮชแท็ก #MoveForThePlanet #ThePlacesWeLove #adidasThailand





ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน adidas Running

ระบบปฏิบัติการ iOS:  https://apps.apple.com/app/id336599882 

ระบบปฏิบัติการ Android:  https://play.google.com/store/apps/details?id=com.runtastic.android


HONOR เฟ้นหาสุดยอดช่างภาพสมาร์ทโฟน กับแคมเปญ HONOR Magic Moments Awards 2023


หลังจากเปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย Honor สานต่อความปังด้วยการจัดประกวดภาพถ่ายจากเหล่าแฟน Honor


Honor เชิญชวนบรรดาครีเอเตอร์ทั่วโลกประชันฝีมือสร้างสรรค์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอผ่านสมาร์ทโฟน HONOR ตั้งแต่วันนี้ - 6 สิงหาคม 2566 ชิงเงินสดมูลค่า 15,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 450,000 บาท และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,000,000 บาท ตอกย้ำการมุ่งจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจผ่านเทคโนโลยีกล้องสมาร์ทโฟน HONOR สุดล้ำ 


คุณพัทธนันท์ สกุลกฤติ ผู้จัดการทั่วไป HONOR Business Group บริษัท ซินเนค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราเชื่อเสมอว่าทุกภาพถ่ายล้วนมีพลังและความงดงามที่แตกต่างกันผ่านเลนส์สายตาจากผู้สร้างสรรค์ภาพถ่ายนั้นๆ ดังนั้น HONOR ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีล้ำสมัย จึงมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพที่ดีที่สุดของเลนส์กล้องสมาร์ทโฟนผ่านนวัตกรรมล่าสุด เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและเก็บภาพความทรงจำอันล้ำค่าของผู้ถ่ายภาพได้อย่างง่ายดายทุกที่ ทุกเวลา โดยการประกวด HONOR Magic Moments Awards 2023 นี้ เกิดขึ้นเป็นปีที่ 3 ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดรวมกว่า 500,000 ผลงาน จาก 50 ประเทศทั่วโลก โดยเรามุ่งสร้างคอมมูนิตี้ของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน HONOR เพื่อแชร์เรื่องราวสุดพิเศษผ่านภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนของเรา ล่าสุด HONOR ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่น HONOR Magic5 Pro 5G ในตลาดไทยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ได้รับการันตี Gold Label จาก DXOMark ครองอันดับ 1 พร้อมกันทั้งหมวดประสิทธิภาพกล้องและหน้าจอในช่วงแรกของการเปิดตัว อีกทั้งล่าสุดยังสามารถทุบสถิติ Gold Label จาก DXOMark ในด้านระบบเสียงทรงพลังอีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้งาน ตอกย้ำการมอบสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดเพื่อเก็บทุกโมเมนต์ความประทับใจในทุกวันของผู้ใช้งาน” 

ขึ้นเป็นปีที่ 3 ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดรวมกว่า 500,000 ผลงาน จาก 50 ประเทศทั่วโลก โดยเรามุ่งสร้างคอมมูนิตี้ของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน HONOR เพื่อแชร์เรื่องราวสุดพิเศษผ่านภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนของเรา ล่าสุด HONOR ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่น HONOR Magic5 Pro 5G ในตลาดไทยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ได้รับการันตี Gold Label จาก DXOMark ครองอันดับ 1 พร้อมกันทั้งหมวดประสิทธิภาพกล้องและหน้าจอในช่วงแรกของการเปิดตัว อีกทั้งล่าสุดยังสามารถทุบสถิติ Gold Label จาก DXOMark ในด้านระบบเสียงทรงพลังอีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้งาน ตอกย้ำการมอบสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดเพื่อเก็บทุกโมเมนต์ความประทับใจในทุกวันของผู้ใช้งาน” 




สำหรับการประกวด HONOR Magic Moments Awards 2023 ในปีนี้ ให้ความสำคัญกับความสามารถของครีเอเตอร์ในการผสมผสานรูปภาพและองค์ประกอบต่างๆ ที่สร้างสรรค์ผ่านเทคโนโลยีเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว โดยครั้งนี้ได้ รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพมากมาย อาทิ อีวาน มาเซีย (Iván Macías) ผู้ชนะการแข่งขัน World Press Photo Contest จากประเทศเม็กซิโก, หยาน จิกาง (Yan Zhigang) ผู้ชนะการแข่งขัน Golden Statue Award จากประเทศจีน, จ้าว ยิงซิน (Zhao Yingxin) Editor-in-Chief จากสำนักพิมพ์ China Photo เป็นต้น มาร่วมตัดสินคัดเลือกผู้ชนะรางวัลทั้งหมด 59 รางวัล ผ่านประเภทการประกวดภายใต้ 6 หมวดหมู่ ได้แก่ หมวดหมู่ On The Way ถ่ายทอดภาพความสวยงามที่พบเจอระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ หรือวัฒนธรรมต่างๆ หมวดหมู่ We ที่เน้นถ่ายทอดภาพบุคคลที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและอารมณ์ความรู้สึก หมวดหมู่ Protection ภาพของธรรมชาติที่สวยงาม หมวดหมู่ The Moment จับภาพช่วงเวลาอันแสนพิเศษที่มีความหมายหมวดหมู่ The Story ชุดภาพถ่าย 3-9 ภาพบอกเล่าเรื่องราวที่ได้พบเจอ และหมวดหมู่ Video ถ่ายทอดเรื่องราวในความยาวไม่เกิน 20 วินาทีของโมเมนต์สำคัญ 



ทั้งนี้ ผู้ชนะรางวัล Photographer of the Year จะได้รับเงินสดมูลค่า 15,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 450,000 บาท โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละหมวดหมู่ จำนวน 6 คน จะได้รับเงินสดมูลค่า 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 150,000 บาทและผู้ชนะอันดับ 2 ในแต่ละหมวดหมู่ จำนวน 6 คน จะได้รับเงินสดมูลค่า 3,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 90,000 บาท รวมถึงผู้ชนะอันดับ 3 ในแต่ละหมวดหมู่อีกจำนวน 6 คนจะได้รับเงินสดมูลค่า 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 30,000 บาท นอกจากนี้ ผู้ชนะรางวัล The Best of Recommendation Award จำนวน 20 คน จะได้รับสมาร์ทโฟน HONOR Magic5 Pro 5G และ Excellence Works Award จำนวน 20 คน จะได้รับสมาร์ทโฟน HONOR รุ่นล่าสุดจากตระกูล Number Series  




สำหรับผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าประกวดกับแคมเปญ HONOR Magic Moment 2023 จะต้องมีคุณสมบัติและทำตามขั้นตอนดังนี้ 


1.ผู้มีสิทธิ์ส่งผลงานเข้าประกวดจะต้องมีอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป หรือ มากกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายของ แต่ละประเทศ และจะต้องเป็นสมาชิกของ HONOR โดยมี HONOR ID ของคุณ 

2.เข้าไปที่ลิงก์ https://www.hihonor.com/global/magic และกดปุ่ม Login ด้วย HONOR ID ของคุณ 

3.กดที่ปุ่ม Upload 

4.เลือกหมวดหมู่ผลงานของคุณ พร้อมอัพโหลดผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ HONOR รุ่นใดก็ได้ โดยกดที่ปุ่ม Upload ซึ่งผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นผลงานต้นฉบับที่ไม่ได้ถูกตีพิมพ์ในสื่อใดๆ (เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือช่องทางอื่นๆ ) และผู้เข้าประกวดไม่สามารถส่งผลงานที่ได้รับรางวัลอื่นก่อนหน้า หรือผลงานที่กำลังประกวดในรางวัลอื่นๆ ได้  

5.กรอกชื่อของผลงาน พร้อมรุ่นของสมาร์ทโฟน HONOR ที่ใช้ถ่ายภาพ และบอกเล่าเรื่องราวหรือแรงบันดาลใจของภาพถ่ายนี้ในสไตล์ของคุณ 

6.คลิกเครื่องหมายถูกที่ช่องการยอมรับเงื่อนไขของการประกวด จากนั้นกดปุ่ม Submit 

7.เว็บไซต์จะแจ้งว่าการส่งภาพเข้าประกวดสำเร็จ โดยสามารถส่งภาพอื่นๆ เพิ่มเติมได้ด้วยการกดปุ่ม Continue Uploading หรือตรวจสอบรูปภาพที่ส่งเข้าประกวดได้ด้วยการกดปุ่ม Check Now


ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ - 6 สิงหาคม 2566 โดยสามารถติดตามผลได้ในเดือนกันยายน 2566 ได้ที่ https://www.hihonor.com/global/magic-moments-awards/


POCO เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด POCO F5 Pro และ POCO F5 พร้อมราคาพิเศษสุดๆ เมื่อซื้อระหว่างวันที่ 9 - 24 พ.ค. นี้!

 

POCO เปิดตัวสมาร์ทโฟน F5 Series ซึ่งประกอบไปด้วย POCO F5 Pro และ POCO F5 ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี นักเล่นเกม และผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพ พร้อมประกาศวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมอบราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าในระหว่างวันที่ 9 - 24 พฤษภาคม 2566 เท่านั้น!


POCO F5 Pro: จุดพลังเหนือขีดจำกัดในตัวคุณด้วย hyper-visuals และ hyper-performance




POCO F5 Pro มอบประสบการณ์การรับชมภาพที่เหนือความคาดหมายด้วยจอแสดงผล AMOLED แบบ hyperclear WQHD+ 120Hz มีความสว่าง 1,400 นิต (ความสว่างสูงสุด) และสีสันที่สมจริง 68,000 ล้านสี1 ชัดเจนกว่าจอแสดงผล FHD+ เกือบสองเท่าและเผยให้เห็นรายละเอียดมากกว่าที่เคย ยิ่งไปกว่านั้น Super Touch ที่พัฒนาขึ้น ยังสามารถทำให้การเล่นเกมมีความเสถียรและแม่นยำยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

POCO F5 Pro ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon® 8+ Gen 1 ซึ่งใช้พลังงานต่ำในขณะที่ประสิทธิภาพการทำงานยังดีเยี่ยม อุปกรณ์ดังกล่าวมีเทคโนโลยี LiquidCool 2.0 พร้อม Vapor Chamber ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวอัจฉริยะ FEAS 2.2 รวมทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงในการกระจายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และอุปกรณ์อีกด้วย

 

POCO F5 Pro ยังมีกล้องที่เสถียรและรวดเร็ว สามารถสร้างภาพถ่ายและวิดีโอที่มีความคมชัดสูง มีความละเอียดสูงและช่วงสี P3 ที่ใหญ่กว่า sRGB ถึง 25%2 ทั้งยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 8K ในขณะที่ OIS และ EIS รับประกันความเสถียรของวิดีโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะจับภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้ เช่น สัตว์ เด็ก เกมกีฬา การแสดงดนตรี และเหตุการณ์วุ่นวาย3

 

นอกจากนี้ POCO F5 Pro ยังให้แบตเตอรี่ขนาด 5160mAh และมีตัวเลือกของการชาร์จแบบเร็วที่หลากหลาย สมาร์ทโฟนของคุณจะชาร์จได้ถึง 50% ด้วยเครื่องชาร์จไร้สาย 30W และเทคโนโลยีการชาร์จแบบเทอร์โบ 67W สามารถชาร์จถึงระดับเดียวกันได้ภายใน 15 นาที4

 

POCO F5 Pro มีให้เลือก สี ได้แก่ Black และ White โดยวางจำหน่ายในประเทศไทย รุ่นความจุ ได้แก่ รุ่นความจุ 12GB+512GB และ 12GB+256GB

 

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อและสั่งจอง POCO F5 Pro ในระหว่างวันที่ 9 - 24 พฤษภาคม 2566 ที่ Shopee7

  • Pre-order promotion7 สำหรับ POCO F5 Pro รุ่นความจุ 12GB+512GB ราคาพิเศษเมื่อลูกค้ากดใช้โค้ดส่วนลดขณะซื้อสินค้า เหลือเพียง 16,990 บาท (จากราคาปกติ 18,990 บาท)
  • Early bird promotion7 สำหรับ POCO F5 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB ราคาพิเศษเมื่อลูกค้ากดใช้โค้ดส่วนลดขณะซื้อสินค้า เหลือเพียง 14,990 บาท (จากราคาปกติ 16,990 บาท)


POCO F5: จุดกำเนิดของความเร็วจาก Snapdragon® 7+ Gen 2




POCO F5 คือสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่ใช้ Snapdragon® 7+ Gen 2 ในตลาดโลก ถูกสร้างขึ้นสำหรับผู้ที่รักการเล่นเกมบนมือถือ POCO F5 มอบประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งและราบรื่นแม้ในขณะที่เปิดหลายๆ แอปสลับไปมา ตั้งแต่การเลื่อนและเรียกดูไปจนถึงการสนทนาทางวิดีโอ และการรับชมการสตรีมสด คะแนน Antutu ชิปเซ็ต 5G ใหม่ล่าสุดนั้นสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 31% ซึ่งเป็นคะแนนที่ไม่มีใครเทียบได้แม้จะพิจารณาจากชิปเซ็ต 8-series ที่มีชื่อเสียงบางรุ่น และเพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้น POCO F5 ยังมีเทคโนโลยี LiquidCool 2.0 ของ Vapor Chamber โดยมีการฝังช่องระบายความร้อนเข้ามาเพื่อช่วยดูดซับความร้อนของชิปเซ็ตที่ร้อนขึ้น และยังกระจายความร้อนได้ดีขึ้น 35% อีกด้วย5

 

POCO F5 มอบประสบการณ์การรับชมภาพที่สบายตาและให้ความเพลิดเพลินกับเนื้อหาโปรดของคุณบน Flow AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว 120Hz อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 93.4% สร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะรับชม YouTube, Netflix หรือช่องสตรีมมิ่งอื่นๆ ด้วยการลดแสง PWM 1920Hz และการดูแลดวงตาด้วย Low Blue Light Ex ที่ได้รับการรับรองจาก SGS คุณจึงสบายตาขณะรับชม

 

POCO F5 ยังมาพร้อมกับกล้องหลัก 64MP พร้อมฟังก์ชันและฟิลเตอร์มากมาย และเนื่องจากระบบประมวลผลกล้องขั้นสูงโดย Snapdragon® 7+ Gen 2 ทำให้ความเร็วในการตั้งค่าและการถ่ายภาพของกล้องมีความเร็วขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ การถ่ายวิดีโอ 4K ยังได้รับประโยชน์จาก OIS และ EIS ซึ่งช่วยลดความเบลอที่เกิดจากการขยับโทรศัพท์ และสามารถบันทึกความทรงจำที่มีความหมายกับครอบครัว เพื่อน และสัตว์เลี้ยงได้ เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น POCO นำเสนอฟิลเตอร์และกรอบรูปภาพให้เลือกมากมาย เพื่อตอบสนองสุนทรียภาพและความชอบของผู้ใช้ที่แตกต่างกันในการถ่ายภาพอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังมีเทคโนโลยีการชาร์จแบบเทอร์โบชาร์จ 67W ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้เต็ม 100% ภายในเวลา 50 นาที6 อีกด้วย

 

POCO F5 มีให้เลือก สี ได้แก่ White, Blue และ Black 
วางจำหน่ายในประเทศไทย รุ่นความจุ คือ 12GB+256GB


พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อ POCO F5 ในระหว่างวันที่ 9-24 พฤษภาคม 2566 ที่ Lazada7

  • Early bird promotion7 สำหรับ POCO F5 รุ่นความจุ 12GB+256GB ราคาพิเศษเมื่อลูกค้ากดใช้โค้ดส่วนลดขณะซื้อสินค้า เหลือเพียง 11,990 บาท (จากราคาปกติ 13,990 บาท) พร้อมรับฟรี สายรัดข้อมืออัจฉริยะ มูลค่า 1,190 บาท




หมายเหตุ

ข้อมูลอ้างอิงจากการทดสอบภายในของ POCO ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไป

ข้อมูลอ้างอิงจากการทดสอบภายใน วิธีการวัดผลในอุตสาหกรรมอาจแตกต่างกันไป ดังนั้นผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไป

ฟังก์ชันนี้อ้างอิงถึงฟังก์ชันของ AI 8K

ข้อมูลอ้างอิงจากการทดสอบภายใน วิธีการวัดผลในอุตสาหกรรมอาจแตกต่างกันไป ดังนั้นผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไป

ข้อมูลอ้างอิงจากการทดสอบภายใน ประสิทธิภาพจริงอาจแตกต่างกันไป

ข้อมูลอ้างอิงจากการทดสอบภายใน ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไป

โปรโมชันราคาพิเศษสำหรับ POCO F5 Pro และ POCO F5 ในระหว่างวันที่ พฤษภาคม 2566 - 24 พฤษภาคม 2566 มีจำนวนจำกัดรุ่นละ 1,000 ชิ้นเท่านั้น (POCO F5 Pro รุ่นความจุ 12GB+512GB และ รุ่นความจุ 12GB+256GB รวมกันจำนวน 1,000 ชิ้น และ POCO F5 จำนวน 1,000 ชิ้น) โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ช้อปปี้และลาซาด้าแอป

จับตาดูอนาคตของ Bitcoin จากผลการศึกษาของ Binance Research

 


กรุงเทพฯ (พฤษภาคม 2566) - Bitcoin ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ตัวแรกที่ถูกสร้างขึ้น อีกทั้งยังเป็นสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ทั้งในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบคริปโตและบุคคลทั่วไป ซึ่งหากไม่มีการสร้าง Bitcoin ในวันนั้น  สินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหลายที่ทุกคนรู้จักอาจไม่มีในวันนี้ และด้วยความสำคัญที่กล่าวไปข้างต้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Binance ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับอนาคตและความยั่งยืนของ Bitcoin ในครั้งนี้

 

ถึงแม้จะมีเหรียญอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมในช่วงที่ผ่านมา แต่ Bitcoin ก็ยังคงรักษาตำแหน่งอันโดดเด่นบนแผนภูมิมูลค่าหลักทรัพย์ของตลาดคริปโต เหนือกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ความยั่งยืนของ Bitcoin ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งในเรื่องที่มูลค่าของ Block Reward ลดลงจากเหตุการณ์ Halving ในทุกๆ ปี และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ค่อนข้างต่ำซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงของ Bitcoin หรือหากว่า Bitcoin ยังไม่มี Smart Contract ของตนเอง จะยังสามารถครองความเป็นผู้นำได้เหมือนทุกวันนี้หรือไม่

 

โปรโตคอล Ordinals และ Inscriptions

 

การเปิดตัวโปรโตคอล Ordinals และ Inscriptions เมื่อต้นปี 2023 อาจเป็นทางออกของคำถามที่กล่าวไปข้างต้นเพราะโปรโตคอล Ordinals จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกข้อมูลที่เรียกว่า Ordinal ลงบน satoshis ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของ bitcoin โดยข้อมูลที่บันทึกผ่านขั้นตอนที่เรียกว่า Inscription นี้ อาจรวมถึง Smart Contract อย่าง รูปภาพ วิดีโอ และข้อความ  ทำให้เกิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ดิจิทัลหรือ NFT ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และด้วยนวัตกรรมล่าสุดนี้ ไม่เพียงแต่เราได้เห็นการเริ่มต้นของ “Bitcoin NFTs” เท่านั้น แต่ยังเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนให้กลับมาสู่ Bitcoin Ecosystem อีกครั้งด้วย

 

สำหรับกระบวนการบันทึกข้อมูล หรือ Inscriptions นั้นจะส่งผลต่อการวิเคราะห์ On-Chain ของ Bitcoin และเพิ่มค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมให้สูงขึ้น โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความก้าวหน้าของนวัตกรรมและการอัปเดทซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง และจากกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับการเปิด use case ใหม่ๆ สำหรับ Bitcoin นี้ จะนำไปสู่คำถามที่ตามมาว่า Bitcoin จะสามารถจัดการกับความหนาแน่นของผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นและนำไปสู่ Bitcoin Layer-2s ได้อย่างไร

 

ตลาด Smart Contract ของ Bitcoin

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Bitcoin ต้องเผชิญกับหลากหลายปัญหาไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับนักพัฒนา โครงสร้างเครือข่ายที่ล่าช้า ตลอดจนข้อจำกัดของนวัตกรรม เมื่อเทียบกับ Smart Contract ยักษ์ใหญ่รายอื่น อย่าง Ethereum, BNB Chain และ Solana

 

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วปัญหาดังกล่าวก็กำลังได้รับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จากการที่เหล่านักพัฒนาได้ทำงานอย่างหนักเพื่อปล่อยการอัปเดตอย่างต่อเนื่องแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดอีโคซิสเต็มที่ขับเคลื่อนโดยผู้ใช้งานจริง พร้อมกระตุ้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนสร้างวัฏจักรที่ทำให้การพัฒนาต่างๆเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

 

อนาคตของ Bitcoin

 

โปรโตคอล Ordinals และ Inscriptions ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา Bitcoin โดยการนำเสนอสิ่งใหม่ และสร้างกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มใหม่ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันสู่อุตสาหกรรม ตลอดจนเติมชีวิตชีวาและความน่าดึงดูดให้กับระบบนิเวศที่เริ่มล้าหลัง

 

ในรายงานข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ล่าสุดของ Binance Research ได้ทำการวิเคราะห์โลกของ Bitcoin ให้ละเอียดยิ่งขึ้น และครอบคลุมทุกอย่างที่ผู้ใช้ควรรู้ รวมถึงยังมีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Bitcoin พร้อมเจาะลึกเกี่ยวกับโปรโตคอล Ordinals และ Inscriptions พร้อมด้วยการวิเคราะห์เกี่ยวกับระบบนิเวศ layer-2 ที่เพิ่งเกิดขึ้น ความคาดหวังต่อ Bitcoin ในด้าน Smart Contract เต็มรูปแบบ กลไก Bitcoin rollups และ Bitcoin halving ที่กำลังจะมาถึงด้วยเช่นกัน

 

อ่านข้อมูลการศึกษา Binance Research โดยละเอียดได้ที่ : https://research.binance.com/static/pdf/a-new-era-for-bitcoin.pdf