ชูคุณสมบัติเด่น ทั้งในด้านระบบตัดเสียงรบกวนและคุณภาพเสียงที่ดี
เรียกได้ว่าเล็กกระทัดรัดมาจริงๆ สำหรับ HUAWEI Freebuds 4i ที่มาในรูปทรงรี คล้ายๆก้อนหินเล็กๆ และมีน้ำหนักที่เบามาก พกพาไปไหนค่อนข้างสะดวก หยิบมาใช้ก็น่ารัก และเมื่อเปิดฝาออกมาจะพบหูฟังขนาดใหญ่ผิดกับตลับภายนอก ทำให้จับถือง่าย การหยิบออกจากตัวตลับก็ง่าย(ไม่เหมือนรุ่นใหญ่อย่าง HUAWEI Freebuds Pro ที่ต้องมีวิธีหยิบ ไม่งั้นจะเอาหูฟังออกมายากมาก) หูฟังมีลักษณะเป็นก้าน หยิบจับง่าย ใส่หูก็ง่าย (ตรงนี้เราชอบมาก ความที่นิ้วอ้วน พวกหูจิ๋วๆมักจะหยิบลำบาก)
อุปกรณ์ภายในกล่อง นอกจากจะมีตัวหูฟังแล้ว ก็จะมีคู่มือ + สายชาร์จ Type-C และจุกยางสำรองอีก 2 คู่ สามารถเลือกขนาดให้พอดีกับรูหูเราได้
การเชื่อมต่อ ทำได้ง่ายมาก แนะนำให้โหลดแอป HUAWEI AI Life เราก็จะสามารถปรับแต่ง ตั้งค่าระบบสัมผัสเพิ่มเติมได้ และหากใครใช้สมาร์ทโฟน Huawei อยู่แล้วก็ยิ่งสะดวกมากๆ เพราะแอปนี้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของ Huawei ได้หลากหลาย
เมื่อทำการเชื่อมต่อกับตัวหูฟังเรียบร้อยแล้ว ก็อัพเดตอะไรให้เรียบร้อย(ตัวแอปจะเด้งเตือนให้อัพเดตเองเลย มีหน้าที่กดตกลงอย่างเดียว)
หลังจากเราจับคู่และอัพเดตเรียบร้อยแล้ว ตัวแอปจะแสดงหน้าจอการเชื่อมต่อ โดยจะแยกการแสดงผล %แบตเตอรี่ ทั้งหูฟัง ซ้าย ขวา และตลับชาร์จ รวมถึงเมนูต่างๆ เช่น ระบบตัดเสียงรบกวน เราสามารถเลือกได้ 3 แบบ
- Double Tap (กระแตะที่หูฟัง 2 ครั้ง) สามารถแยกการตั้งค่าระหว่างหูฟัง 2 ข้าง ทั้งหยุด/เล่นเพลง , เล่นเพลงต่อไป , เล่นเพลงก่อนหน้า และเรียก Voice Asistanf ได้
- Tap& Hold (การแตะที่หูฟังค้าง) เป็นการสลับการใช้งานระบบตัดเสียงรบกวน
- การสนทนา เสียงดังฟังชัด ทั้ง 2 ข้าง แยกใช้งานทีละข้างได้
- ฟังเพลง เสียงชัดเจน ระบบตัดเสียงรบกวนทำงานได้ดี(ยังมีได้ยินเสียงภายนอกบางๆ)
- ดูหนัง เสียงไม่ดีเลย์ ใส่นานๆได้ไม่เจ็บหู ไม่หลุดง่าย (ทดสอบดูจากทั้ง Netflix , youtube , wetv, line tv และ เวปทั่วไป)
- ใช้งานต่อเนื่องได้ 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ในโหมดปกติ
- ใช้งานต่อเนื่องได้ 7.5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน
- จุดเด่นคือ เบส ที่แน่นตึ๊บสะใจ (แต่บางคนอาจจะรู้สึกอึดอัด)
- ด้านเสียงแหลม ให้ความรู้สึกกลางๆ ไม่พุ่งมาก เสียงจะค่อนข้างเรียบ ไม่หวือหวา
- ย่านเสียงกลาง อยู่ในระดับกำลังฟัง พอดี ไม่กว้าง ไม่โปร่งมาก
- สเตจเสียง ไม่กว้างมาก อารมณ์เหมือนฟังในห้องอัด เสียงเครื่องดนตรีชัดเจน อาจไม่ใสมาก แต่มาครบ เสียงร้องจะไม่เด่นเท่าเสียงเครื่องดนตรี
1.ระบบตัดเสียงรบกวน ทั้งขณะสนทนา และ ความบันเทิง
2.ฟังเพลงต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง(ชาร์จเต็ม)
3.เสียงชัดเจน ทั้งด้านการสนทนา และความบันเทิง
4.ชาร์จเพียง 10 นาที สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้อีก 4 ชั่วโมง
5.น้ำหนักเบา ตัวหูฟังหนักเพียงข้างละ 5.5 กรัม ตลับชาร์จหนักเพียง 36.5 กรัม
6.ตัวหูฟังไม่หลุดง่ายๆ ใส่ติดหูนานๆได้เลย
จุดด้อย
1.ไม่สามารถปรับระดับเสียงที่ตัวหูฟังเองได้ ต้องปรับที่โทรศัพท์
2.ไม่สามารถปรับ Equalizer ได้ โทนเสียงจึงมีแค่แบบเดียว
3.ฝาปิด ปิดง่ายมาก เวลาเปิดเพื่อเชื่อมต่อต้องจับดีๆ ไม่งั้นฝาปิด ทำให้เชื่อมต่อไม่ได้
ราคาตอนนี้ที่หาซื้อได้ อยู่ราวๆ 2,5XX - 2,799 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น