ซัมซุงส่ง Neo QLED รุกตลาดทีวีพรีเมียมและไฮเอนด์
ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าระดับบนเพิ่มเท่าตัว พร้อมส่งมอบทีวีก่อนอีเว้นท์กีฬาสำคัญปีนี้
- ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งต่อเนื่องยาวนานกว่า 15 ปี ในตลาดทีวี ซัมซุงเปิดตัวไลน์อัพทีวีระดับแฟลกชิป ‘Neo QLED’ ความคมชัด 8K และ 4K ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Quantum Mini LED ให้กำเนิดแสงและเงาสมบูรณ์แบบเนรมิตภาพสวยสมจริงที่สุดที่เคยมีมาบนทีวี QLED
- เซกเมนต์พรีเมียมยังแข็งแกร่ง แม้มูลค่ารวมตลาดทีวีในประเทศจะลดลง เช่นเดียวกับเทรนด์ทีวีจอใหญ่ขนาด 75 นิ้วขึ้นไป ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่ช่องทางออนไลน์กลายเป็นแรงขับสำคัญกระตุ้นยอดขายในช่วงล็อกดาวน์
- คาดการณ์ตลาดปีนี้โตขึ้น 10% จากปี 2020 โดยปัจจัยผลักดันที่สำคัญ คืออีเว้นท์กีฬาระดับโลก ทั้ง โอลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซัมซุงมั่นใจสามารถส่งมอบทีวีให้ลูกค้าชาวไทย ไม่หวั่นผลกระทบปัญหาชิปขาดแคลน
ซัมซุง เปิดตัวทีวี Neo QLED (นีโอ คิวแอลอีดี) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมฉีกทุกขีดจำกัดแห่งความคมชัดและสร้างปรากฏการณ์ความสมบูรณ์แบบของการรับชม ผ่านนวัตกรรมทีวีแห่งอนาคตที่ยั่งยืนและสมาร์ทฟีเจอร์สำหรับทุกความต้องการในปัจจุบัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดทีวีระดับโลกต่อเนื่องยาวนานถึง 15 ปี ด้วยไลน์อัพทีวีที่เป็นมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ยังช่วยยกระดับการใช้ชีวิต
นางสาวเจนนิเฟอร์ ซอง ประธานธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและวิสัยทัศน์อันล้ำสมัย ซัมซุงได้ยกระดับมาตรฐานของนวัตกรรมทีวีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเรียนรู้ถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพื่อให้ผู้ใช้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้านเทคโนโลยีที่เคยมี ทำให้ซัมซุงก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 เป็นปีที่ 15 อย่างแข็งแกร่ง”
“กลุ่มสินค้าทีวีของซัมซุงในปีนี้ นำโดย Neo QLED คือ สิ่งที่เราได้พัฒนาเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตภายบ้านของคุณและครอบครัว เพื่อสร้างวิถีชีวิตแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม ตามวิสัยทัศน์ Better Normal for All นำเสนอนวัตกรรมแห่งอนาคต ที่มี AI เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ เพราะนวัตกรรมของเราได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ประโยชน์จากทีวีอย่างเต็มที่ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดต่อสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น และยังเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ที่ดีที่สุด และยังคำนึงถึงความยั่งยืนในระยะยาว”
จากผลสำรวจของ Nielsen พบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มในการใช้ทีวีเพื่อหลากหลายจุดประสงค์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับชมข่าวสาร ฟังพอดแคสต์ หรือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทีวี นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้งานทีวีที่เพิ่มขึ้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้สถานการณ์ในหลายประเทศจะเริ่มผ่อนคลายลง กิจกรรมอย่างโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์เติมโตสูงสุดในรอบ 6 ปี แสดงถึงความคาดหวังของผู้บริโภคให้ทีวีภายในบ้านมีคุณภาพของภาพและเสียงเทียบเท่าโรงภาพยนตร์
นายสุวิณ โกษีอำนวย ผู้อำนวยการ ธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและส่งผลต่อภาพรวมตลาดทีวีในประเทศว่า “การต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมองหาทีวีที่สามารถเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทุกอย่างทั้งการเรียน การทำงาน การออกกำลังกาย ความบันเทิง รวมไปถึงยังคาดหวังในเรื่องของดีไซน์และความสวยงามในฐานะของแต่งบ้านชิ้นหนึ่ง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ได้ถูกนำเสนอในทีวีระดับพรีเมียมของซัมซุงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายทีวีพรีเมียมของซัมซุง (QLED) ในปี 2020 เติบโตขึ้นถึง 35% แม้แนวโน้มมูลค่าตลาดทีวีในภาพรวมจะลดลงกว่า 5% อยู่ที่ประมาณ 2.65 หมื่นล้านบาท”
นอกจากทีวีระดับพรีเมียมแล้ว กลุ่มสินค้าไฮเอนด์อย่างทีวี 8K ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งยอดขายของทีวีซัมซุง QLED 8K ปัจจุบันโตขึ้นกว่า 1.5 เท่าตัว เมื่อเทียบกับตอนเปิดตัวในตลาดเมื่อปี 2019 ทั้งนี้ เป็นผลจากการทำราคาได้ดีขึ้น การส่งเสริมการขายที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงตลาดที่เริ่มมีการเปิดรับเทคโนโลยี 8K มากขึ้น
เช่นเดียวกัน ทีวีจอใหญ่ยังคงมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2020 ยอดขายทีวีขนาด 75 นิ้วขึ้นไป เติบโตขึ้นถึง 26% และช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ เติบโตขึ้นเกือบเท่าตัว (89%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยหลายประการ ทั้งการอยู่บ้านอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอีเว้นท์กีฬาระดับโลกที่กำลังจะมาถึงในปีนี้
นอกจากนี้ ช่องทางออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดทีวีปี 2020 ซึ่งมีการล็อกดาวน์และมาตรการอื่นๆ โดยพบว่ามีการซื้อทีวีซัมซุงผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น 75% เมื่อเทียบกับปี 2019 คิดเป็นสัดส่วน 22% ของยอดขายทั้งหมด
นายสุวิณ กล่าวเสริมว่า “ด้วยปัจจัยต่างๆ ทั้งสถานการณ์โลก การจัดการแข่งขันกีฬาสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนชิปที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นตัวกระตุ้นดีมานด์ในตลาด จึงทำให้ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะตัดสินใจเลือกซื้อทีวี ทั้งนี้ มั่นใจว่าซัมซุงยังสามารถทำตลาดและส่งมอบทีวีให้กับผู้ใช้งานในประเทศไทยได้ตามแผน และยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาด โดยตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าพรีเมียมและไฮเอนด์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยมี Neo QLED ทั้ง 8K และ 4K เป็นตัวชูโรง ควบคู่ไปกับสินค้ากลุ่ม Lifestyle TV รุ่นต่างๆ”
ปรากฎการณ์ครั้งยิ่งใหญ่แห่งวงการทีวีกับนวัตกรรมขนาดเล็กที่ไม่ธรรมดา
ซัมซุงเปิดตัวไลน์อัพทีวี Neo QLED ทั้งในระดับแฟลกชิป 8K และในระดับความคมชัด 4K โดยหัวใจสำคัญของทีวี Neo QLED คือ เทคโนโลยี Quantum Mini LED ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าหลอด LED ปกติถึง 40 เท่า ทำให้สามารถจัดวางต้นกำเนิดแสดงได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ถูกควบคุมอย่างละเอียดแม่นยำด้วยนวัตกรรม Quantum Matrix พร้อมทั้งได้ขุมพลังจากชิปเซ็ตประมวลผล Neo Quantum Processor ทำให้สามารถถ่ายทอดประสบการณ์สมจริงใกล้เคียงอุดมคติของนิยามภาพและสีสัน นอกจากนี้ ซัมซุงได้ออกแบบระบบเสียงด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยเทคโนโลยี SpaceFit Sound ที่วิเคราะห์ภาพแวดล้อมของห้องและปรับเสียงของทีวีอย่างเหมาะสมได้โดยอัตโนมัติ และนวัตกรรม Object Tracking Sound Pro (OTS Pro) ทำให้เสียงเคลื่อนไหวไปตามภาพตรงตามตำแหน่งของต้นกำเนิดเสียง
นิยามใหม่ของฟังก์ชันทีวี ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ภายในบ้าน
Neo QLED คือดีไวซ์เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคที่ต้องทำงานหรือเรียนที่บ้านมากขึ้น โดยมาพร้อมกับสมาร์ทฟีเจอร์มากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน เพิ่มความโปรดักทีฟ และพักผ่อนหย่อนใจได้เต็มทีมากกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังง่ายขึ้นไปอีกขั้นด้วย Google Assistant ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยแล้ว ให้คนไทยควบคุมซัมซุงทีวีได้อย่างอิสระผ่านไมโครโฟนบนรีโมทคอนโทรล สำหรับใครที่ต้องทำงานหรือเรียนอยู่กับบ้าน Neo QLED จะเป็นคอมพิวเตอร์ให้คุณ ด้วยฟีเจอร์ PC on TV ที่มาพร้อมกับ Microsoft 365 บนทีวี ให้คุณสร้าง แก้ไขเอกสาร หรือเข้าถึงไฟล์บนเว็บเบราว์เซอร์ของทีวี นอกจากนี้ยังสามารถทำงานกับทีมได้เสมือนนั่งอยู่ด้วยกันในออฟฟิศ ด้วยวิดีโอคอลบนฟีเจอร์ Google Duo ที่รองรับการคอลถึง 32 คอลในครั้งเดียวแบบไม่จำกัดแพลตฟอร์ม ผ่านเว็บแคมที่รองรับหรือจะโทรจากสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับทีวีก็ได้
ดีไซน์อันไร้ขีดจำกัด เพื่อประสบการภาพไร้ขอบเขต
ซัมซุงได้ยกระดับสุนทรียะแห่งการออกแบบ Neo QLED โดยพิจารณาตัดส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับการสัมผัสประสบการณ์การรับชมอย่างไร้ขอบเขต ดีไซน์แบบ Infinity Q Screen ที่เป็นเอกลักษณ์ของซัมซุงลดความหนาของกรอบทีวีลดจนแทบจะมองไม่เห็นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและขั้นตอนการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยกรอบสแตนเลสสตีลของทีวี Neo QLED 8K มีความหนาเพียง 0.8 มิลลิเมตร จนทีวีดูเหมือนลอยอยู่อย่างอิสระ
ข้อมูลเพิ่มเติม
เทคโนโลยีที่ยั่งยืน เพื่อทุกการเข้าถึงของผู้ชมทุกแบบ
นอกจากซัมซุงจะมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการใช้ชีวิต ซัมซุงยังให้ความสำคัญเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยีและการสร้างความยั่งยืนในสังคม ด้วยวิสัยทัศน์ “Better Normal for All” ทำให้เทคโนโลยีของซัมซุงถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจ รวมถึงในทีวี Neo QLED ด้วยเช่นกัน โดยสำหรับไลน์อัพทีวีซัมซุงดูแลทุกรายละเอียดในทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการใช้งาน รวมถึงการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ เพื่อปูแนวทางไปสู่เส้นทาง “Going Green” ในการดำเนินธุรกิจทีวีอย่างเต็มรูปแบบ
สายการผลิตทีวีของซัมซุงได้วางระบบลดการสร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์และลดการใช้พลังงาน รวมทั้งออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สามารถนำมาประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ ได้ โดยซัมซุงจะสามารถลดปริมาณขยะจากกล่องกระดาษลูกฟูกได้ถึง 200,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ในปี 2564 ซัมซุงทีวีจะมาพร้อมกับรีโมทควบคุมโซลาร์เซลล์ซึ่งสร้างจากส่วนประกอบของพลาสติกจากขวดน้ำ ที่ใช้พลังงานแสงแทนถ่าน ทำให้ภายใน 7 ปี ซัมซุงจะช่วยลดขยะจากถ่านขนาด AA ได้ถึง 99 ล้านก้อน โดยรีโมทควบคุมโซลาร์เซลล์ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 86 เปอร์เซ็นต์
ด้านการเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยี Neo QLED มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินและการมองเห็นสามารถเข้าถึงการคอนเทนต์บนทีวีได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เป็นหัวใจสำคัญ เช่น ฟีเจอร์ Caption Moving ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนแคปชันไปไว้ส่วนไหนบนหน้าจอก็ได้ ทำให้สามารถอ่านแคปชันพร้อมดูภาพได้ในขณะเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง และฟีเจอร์ Sign Language Zoom ที่ขยายภาพของล่ามภาษามือได้ถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ภายในปี 2565 ซัมซุงได้วางแผนขยายฟีเจอร์ข้อมูลเสียง (Voice Guide) เพิ่มเติมอีกด้วย
[1] ในปี 2564 สถาบันวิจัยด้านการตลาด Omdia ประกาศรับรองให้ซัมซุงเป็นแบรนด์ทีวีอันดับ 1 ของโลกด้วยส่วนแบ่งตลาด (Global TV Market Share) ที่ 31.8 เปอร์เซ็นต์ ประเมินจากรายได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563
[2] พฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มในการใช้ทีวีเพื่อหลากหลายจุดประสงค์มากขึ้น
[3] พฤติกรรมการใช้งานทีวีที่เพิ่มขึ้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้สถานการณ์โควิดในหลายประเทศจะเริ่มผ่อนคลายลง
[4] ตลาดโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์เติมโตสูงสุดในรอบ 6 ปี
[5] ภาพรวมช่วงอีเวนท์ฟุตบอลที่ผ่านมา อ้างอิงจากปี 2017-2018 ตั้งแต่ May-Jul เติบโตขึ้น 36%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น